xs
xsm
sm
md
lg

สสจ.กาญจน์แนะกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายกันไข้เลือดออกก่อนฝนมา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กาญจนบุรี - สสจ.กาญจนบุรี เตือนประชาชนกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกก่อนฝนมา ย้ำภาคีเครือข่ายสุขภาพ และประชาชนร่วมรณรงค์เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคไข้เลือดออกระบาด โดยเน้นกิจกรรม 5 ป. ปราบยุงลาย และ 1 ข. ขัดไข่ยุงลาย

วันนี้ (14 มี.ค.) นพ.อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า โรคไข้เลือดออกถือว่าเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุขและการแพทย์ โดยล่าสุด สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้ประเมินสถานการณ์ว่าในปีนี้จะรุนแรงกว่าปีที่แล้ว สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกของจังหวัดกาญจนบุรีตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 12 มีนาคม 2556 พบว่า มีจำนวนผู้ป่วย 113 ราย (อัตราป่วย 13.47 ต่อประชากรแสนคน) ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต

โดยอำเภอที่พบมากที่สุดคือ อำเภอท่าม่วง อำเภอเมือง และอำเภอเลาขวัญ คิดเป็นอัตราป่วย 30.39, 25.55 และ 16.02 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการระบาดของโรค คือ ฝนที่ตกเป็นช่วงๆ ในขณะนี้ ถือเป็นการเติมน้ำในภาชนะที่อาจมีไข่ยุงลายสะสมอยู่ตามขอบภาชนะจำนวนมาก ประกอบกับสภาพที่อาจจะมีภาวะภัยแล้ง ทำให้ประชาชนเกิดพฤติกรรมการกักเก็บน้ำในภาชนะก็ยิ่งทำให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน โดยนิสัยของยุงลาย เป็นยุงที่สะอาด ไข่ในน้ำนิ่งใส ไม่ไข่ในน้ำเน่าเสีย หรือท่อระบายน้ำ ซึ่งที่เหล่านั้นเป็นที่เพาะพันธุ์ของยุงรำคาญไม่นำโรคไข้เลือดออก ยุงลายไม่ได้ไข่ในน้ำโดยตรง แต่จะไข่เหนือระดับน้ำ 1-2 เซนติเมตร เมื่อมีน้ำมาเติมท่วมจึงจะแตกตัวเป็นไข่เป็นลูกน้ำ และเป็นยุงลายตัวเต็มวัยต่อไป ใช้เวลาทั้งหมด 7-10 วัน

ฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องรณรงค์ให้กำจัดลูกน้ำทุกสัปดาห์เพื่อตัดวงจรการเกิดยุง ยุงลายจะไม่ไข่เหนือสภาพน้ำที่เป็นกรด หรือเป็นด่างมากจนเกินไป เช่น การใช้ผลมะกรูดบากผิวใส่ลงในภาชนะขังน้ำ 1 ลูกต่อพื้นที่น้ำ 40 ตารางนิ้ว เปลี่ยนทุก 2 วัน หรือใช้ปูนแดง ปั้นขนาดเท่าลูกปิงปอง ตากให้แห้ง 3 วัน 1 ก้อนใส่โอ่งมังกร 1 ใบ เปลี่ยนทุกเดือน หรือใช้เทคนิคการเปิดน้ำให้เต็มภาชนะจนไม่เหลือพื้นที่ขอบภาชนะให้ยุงลายวางไข่ เป็นต้น การจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยวิธี 5 ป. 1 ข. อย่างจริงจังสม่ำเสมอ จะสามารถทำให้ชุมชนปลอดลูกน้ำยุงลาย และห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกได้ยั่งยืน

นพ.อภิชาติ กล่าวต่อไปว่า ขอย้ำเตือนประชาชนกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกก่อนฝนมา รวมทั้งประสานความร่วมมือภาคีเครือข่ายสุขภาพ ผู้นำชุมชน อสม. และประชาชนทุกหมู่บ้านทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งมักเป็นแหล่งน้ำภายในบ้าน และรอบบริเวณบ้าน ได้แก่ น้ำใช้ในห้องน้ำห้องส้วม ขารองตู้กับข้าว แจกันดอกไม้ แหล่งน้ำขังบริเวณบ้าน เป็นต้น ด้วยวิธีง่ายๆ ตามแนวทาง “5 ป. 1 ข.”(เปลี่ยน ปิด ปล่อย ปรับปรุง ปฏิบัติเป็นประจำ และขัดไข่ยุงลาย) ดังนี้

สำหรับ 5 ป. ปราบยุงลาย ได้แก่ ปิด ปิดภาชนะน้ำกินน้ำใช้ให้มิดชิดหลังการตักใช้น้ำทุกครั้ง เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ เปลี่ยน เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำ ทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำที่จะกลายเป็นยุง ปล่อย ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว ถังซีเมนต์เก็บน้ำขนาดใหญ่ ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด ลมพัดผ่าน ไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย ปฏิบัติเป็นประจำจนเป็นนิสัย

และ 1 ข. ขัดไข่ยุงลาย เนื่องจากยุงลายจะไข่เหนือระดับน้ำ 1-2 เซนติเมตร นั้น เมื่อมีน้ำมาเติมจนท่วมหลังไข่ก็จะฟักตัวเป็นลูกน้ำ แต่หากไม่มีน้ำมาเติมจนท่วมถึงก็จะแห้งติดผนังภาชนะอย่างนั้นได้นานเป็นปี และเมื่อมีน้ำมาท่วมเมื่อใด ไข่ก็พร้อมจะแตกตัวเป็นลูกน้ำภายในได้ใน 30 นาที ซึ่งยุงตัวเมีย 1 ตัวไข่ครั้งละ 50-150 ฟอง 4-6 ครั้งในช่วงชีวิตประมาณ 60 วันของยุง ฉะนั้น ยุงตัวหนึ่งจะมีลูกได้ราว 500 ตัว จึงจำเป็นต้องมีการขัดไข่ยุงลายในภาชนะด้วย โดยใช้ใยขัดล้าง หรือแปรงชนิดนุ่มช่วยในการขัดล้าง และทิ้งน้ำที่ขัดล้างนั้นบนพื้นดินเพื่อให้ไข่แห้งตายไปไม่ควรทิ้งลงท่อระบายน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นแหล่งน้ำใสนิ่งทำให้ไข่บางส่วนรอด และเจริญเป็นลูกน้ำ และยุงลายได้อีก

หากพบผู้ป่วยมีไข้ กินยาลดไข้แล้วไข้ยังลอยไม่ลด 2-3 วัน คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของไข้เลือดออก ไม่ต้องรอให้เกิดจุดเลือดใต้ผิวหนัง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจ ก่อนที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการช็อก และเสียชีวิต และหลังการรักษาโรคไข้เลือดออกแล้ว ช่วงที่ไข้ลดลงในวันที่ 3-4 หากผู้ป่วยซึมลง กินดื่มไม่ได้ให้รีบกลับมาหาแพทย์เพื่อรักษาให้ทันท่วงที ที่สำคัญโรคไข้เลือดออกยังไม่มีวัคซีนใช้ในการฉีดป้องกันโรค (กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาทดลอง) จึงต้องรักษาแบบช่วยประคองตามอาการจนกว่าผู้ป่วยฟื้นตัว และหายจากอาการป่วย
 
“หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มงานควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี โทร.0-3462-2982-3 ต่อ 122 หรือที่สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งใกล้บ้านท่าน” นายแพทย์อภิชาต เผย
กำลังโหลดความคิดเห็น