คนเตะฝุ่น-นศ.จบใหม่แห่สมัครงาน “มหกรรมนัดพบแรงงานโคราช”

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คนตกงานเตะฝุ่น นศ.จบใหม่แห่สมัครงาน “มหกรรมนัดพบแรงงานโคราชปี 56” มีตำแหน่งงานว่างให้เลือกร่วม 8,000 ตำแหน่ง ด้านผู้ว่าฯ โคราชอ้างค่าแรง 300 บาทกระทบแค่ 5-10% ในกลุ่ม SMEs โวมี รง.อุตฯย้ายเข้ามากกว่าออกเหตุมีศักยภาพสูง ขณะอสังหาฯ ผุดราวดอกเห็ด แต่ปัญหาคือเติบโตสวนทางกับผังเมืองรวม

วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องสุรนารีบอลรูม โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมนัดพบแรงงานนครราชสีมา 2556” โดยมี น.ส.อัญชลี สินธุพันธ์ จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวรายงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนผู้ว่างงานและนักศึกษาจบการศึกษาใหม่ ทั้งใน จ.นครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง เดินทางมาสมัครงานจำนวนมาก โดยมีสถานประกอบการมาเปิดรับสมัครงานจำนวน 82 แห่ง รวมตำแหน่งงานว่าง 7,981 อัตรา กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 มี.ค. 56

ทั้งนี้เพื่อเป็นสื่อกลางให้ผู้ประกอบการกับผู้ว่างงานได้มีโอกาสพบปะกันโดยตรง สามารถเลือกสรรให้ตรงตามความรู้ ความสามารถและความถนัดเฉพาะบุคคลได้ รวมทั้งสามารถสมัครงานกับสถานประกอบการหลายแห่งในคราวเดียวกัน และเข้ารับการสัมภาษณ์เบื้องต้นกับนายจ้างได้ทันทีทำให้ผู้สมัครงานมีโอกาสได้งานสูง อีกทั้งภายในงานยังจัดให้มีกิจกรรมประกอบอาชีพอิสระด้วย

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เผยว่า จากรายงานพบว่า สถิติการว่างงานของประชาชนใน จ.นครราชสีมาขณะนี้มีไม่มากจนผิดปกติ เนื่องจากมีสถานประกอบการเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก แต่มีปัญหาคือความต้องการแรงงานกับผู้ว่างงานไม่ตรงกันทำให้เกิดช่องว่าง เช่น สถานประกอบการจำนวนมากต้องการแรงงานที่จบการศึกษาแค่วุฒิ ปวช. หรือ ปวส. แต่กลุ่มผู้ว่างานส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จึงทำให้เกิดการว่างงานสะสมทั้งที่ตำแหน่งงานว่างยังเหลืออยู่อีกมาก

ส่วนผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศนั้น โดยภาพรวมไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากโรงงานในโคราชเป็นโรงงานขนาดใหญ่และประกอบกิจการมาหลายปีแล้ว และแรงงานส่วนใหญ่ได้ค่าแรงเกิน 300 บาทอยู่แล้ว ส่วนที่ได้รับผลกระทบมีเป็นส่วนน้อยเท่านั้นหรือประมาณร้อยละ 5- 10 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพราะเป็นสถานประกอบการขนาดเล็กเงินลงทุนน้อย แต่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลแล้ว และรัฐบาลก็มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาในเรื่องภาษี เงินกู้ดอกเบี้ยถูก เพื่อให้สถานประกอบการเหล่านี้สามารถอยู่ได้

นายวินัยกล่าวว่า ขณะนี้มีสถานประกอบการหลายแห่งที่ย้ายเข้ามาตั้งใน จ.นครราชสีมาเนื่องจากผู้ประกอบการมีความมั่นใจเรื่องการป้องกันน้ำท่วม การคมนาคมสะดวก มีความพร้อมเรื่องวัตถุดิบ โดยอุตสาหกรรมด้านพลังงานไฟฟ้ามีการเติบโตสูง รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปวัตถุดิบอาหาร อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโรงแรม บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นมากในช่วงนี้

“อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือการเติบโตของจังหวัดไปกระทบกับผังเมืองรวม ซึ่งทางจังหวัดจะดึงเอาผังเมืองกลับมาปรับให้สอดคล้องกับการเติบโต ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกรมโยธาธิการ ผ่านความเห็นชอบในคณะกรรมการกลางแล้ว จากนั้นจะนำผังเมืองกลับมาพิจารณาอีกรอบ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ก่อนส่งให้พิจารณาประกาศใช้ต่อไป” นายวินัยกล่าว