ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯ โคราชเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกแก้ปัญหาลุ่มน้ำลำตะคองหลังแล้งหนักเกิดศึกแย่งชิงน้ำ บุกรุกสร้างฝายปิดกั้นเส้นทางน้ำอื้อ ส่งผลพื้นที่ปลายน้ำวิกฤตขาดแคลนน้ำดิบผลิตประปา ล่าสุด ตั้งคณะทำงาน 5 กลุ่มเข้าแก้ไขปัญหาทุกด้าน ทั้งการบุกรุกก่อสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ การปล่อยน้ำเสีย การแย่งน้ำเพื่อการเกษตร และอุปโภคบริโภค เผยเตรียมลุยรื้อทิ้งฝายปิดกั้นน้ำลำตะคองตลอดสาย 45 แห่ง
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่ห้องประชุมสำนักชลประทานที่ 8 อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาวิกฤตลุ่มน้ำลำตะคองแบบบูรณาการ โดยมี ม.ล.อนุมาศ ทองแถม ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมหน้า
โดยสาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ได้มีการหารือกันใน 5 กลุ่มปัญหาหลักของลุ่มน้ำลำตะคองในขณะนี้ ประกอบด้วย ปัญหาการการบุกรุกก่อสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำและการลักลอบใช้น้ำ, ปัญหาการปล่อยน้ำเสียสิ่งปฏิกูลลงสู่ลำตะคองจากบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำลำตะคอง, ปัญหาการใช้น้ำและการบำบัดน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม, ปัญหาการใช้น้ำเพื่อการเกษตร ทั้งการปลูกข้าวนาปรัง เลี้ยงสัตว์ และ ปัญหาข้อขัดแย้งการแย่งชิงน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
นายจักรกฤษ แจ้งกรณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุดวันนี้ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว มีปริมาณน้ำเหลือเพียง 112 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 35% ของขนาดความจุ 314 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งขณะนี้ทางเขื่อนได้ปล่อยน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มีเกษตรกรบางส่วนที่นำน้ำไปใช้ในด้านการเกษตร แม้ได้ประกาศแจ้งเตือนให้งดปลูกข้าวนาปรังโดยสิ้นเชิงไปก่อนหน้าแล้วก็ตาม แต่เกษตรกรก็ยังดื้อดึงทำนาปรังจึงทำให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ใต้เขื่อนลำตะคอง เช่น อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน และ อ.ขามทะเลสอ มีการฝ่าฝืนทำนาปรังมากถึง 18,000 ไร่ ส่งผลให้พื้นที่ปลายน้ำมีปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เพราะน้ำที่ส่งมาตามลำน้ำลำตะคองมีไม่เพียงพอต่อการผลิตประปา
นายจักรกฤษ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมวันนี้ได้หารือกันถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำลำตะคอง และมีมติในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยจัดตั้งกลุ่มขึ้นมารับผิดชอบ จำนวน 5 กลุ่มปัญหาหลักดังกล่าวข้างต้น แต่ละกลุ่มประกอบด้วย นายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนักวิชาการสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อเข้าไปศึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดกับลุ่มน้ำลำตะคองในทุกด้าน โดยเฉพาะการจัดการกับฝายกั้นน้ำที่ชาวบ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำขึ้นโดยผิดกฎหมายไม่ตรงตามหลักวิชาการ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีฝ่ายกั้นน้ำลักษณะดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ใต้เขื่อนลำคะตอง เป็นจำนวนมาก ถึง 45 แห่ง แบ่งเป็นช่วง อ.สีคิ้ว-อ.ขามทะเลสอ จำนวน 25 แห่ง และช่วง อ.ขามทะเลสอ-อ.เฉลิมพระเกียรติ จำนวน 20 แห่ง
“ฝ่ายกั้นน้ำเหล่านี้เป็นปัญหาหลักในการปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลไปถึงปลายน้ำ เรื่องนี้กลุ่มที่รับผิดชอบต่อปัญหาจะเข้าไปแก้ไขโดยทำการรื้อฝ่ายดังกล่าวออก และจัดทำขึ้นใหม่ให้ถูกหลักวิชาการ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 45 ล้านบาท และวันนี้กลุ่มรับผิดชอบปัญหาทุกกลุ่มได้ลงพื้นที่เพื่อดูข้อเท็จจริง และหากได้รับการอนุมัติงบประมาณสามารถดำเนินการได้ทันที” นายจักรกฤษกล่าว
คลิกเพื่อรับชมคลิป:
