xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอขึ้นบัญชี จนท.สมรู้ร่วมคิดทุจริตทำบัตร ปชช.-เดินหน้าสอบกรณี “เวียงแหง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ดีเอสไอเชิญเจ้าหน้าที่ทะเบียนเชียงใหม่ 75 ศูนย์ร่วมประชุมหารือกรณีทุจริตเพิ่มชื่อทะเบียนราษฎร-สวมตัวทำบัตร ปชช. “ธาริต” แจงทั้งให้ข้อมูล-ปรามไม่ให้ยุ่งเกี่ยว ชี้กรณีเวียงแหงพบมีความผิดปกติจากรายชื่อกว่า 18,000 คน เตรียมตรวจสอบให้เสร็จสิ้นใน 2 เดือน ส่วนเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวทุจริตแจงขึ้นบัญชีไว้แล้วนับสิบ หากหลักฐานมัดเมื่อไหร่ดำเนินคดีแน่

วันนี้ (11 ก.พ.56) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานการประชุมผู้ปฏิบัติงานทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแก่สำนักทะเบียนอำเภอและสำนักทะเบียนท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องประชุมนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนทั้งในระดับอำเภอและท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 75 ศูนย์เข้าร่วม

การประชุมครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวนกรณีการทุจริตเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรและสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งพบความผิดปกติและการกระทำผิดหลายรายการ จากกรณีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนการทุจริตทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนขึ้น เพื่อรับแจ้งข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการทุจริตเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรและสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชน ณ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ พร้อมทั้งจัดการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทางทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ข้อมูลในด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางทะเบียน ประสบการณ์ในการดำเนินคดีทางทะเบียนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ในการประชุมดังกล่าว นายธาริตได้นำเสนอรายละเอียดการปฏิบัติงานของคณะทำงานสืบสวนสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเดินทางมาปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายระหว่างวันที่ 4-9 ก.พ. และพบรายละเอียดการกระทำผิดในกรณีสำคัญรวม 3 คดี ได้แก่ 1. กรณีการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรของนายสมชาย รักยอดยิ่ง ผู้ต้องหาในคดีรวบรวมยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟรดีน ซึ่งพบว่าเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรเมื่ออายุ 15 ปี โดยมีนายบุญเชิด รักยอดยิ่ง ให้การรับรองเป็นบุตรทั้งที่ไม่เป็นความจริง โดยนายบุญเชิดอ้างว่าได้รับการร้องขอจากอดีตผู้ใหญ่บ้าน

ต่อมาอดีตผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนอำเภอแม่สรวยได้ดำเนินการในขั้นตอนเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรและจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนให้นายสมชายเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2539 ก่อนจะมีการทำบัตรประจำตัวประชาชนอีก 2 ครั้งที่สำนักทะเบียนอำเภอแม่สรวยเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2544 และที่สำนักทะเบียนอำเภอสันกำแพงเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2548 ซึ่งหลังจากมีบัตรประจำตัวประชาชนนายสมชายมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดมาโดยตลอด และเมื่อถูกออกหมายจับก็หลบหนีไปยังประเทศเมียนมาร์ และอ้างเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ของประเทศเมียนมาร์จับกุมว่าไม่ใช่คนไทยเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

กรณีที่ 2 ได้แก่กรณีของนายถาวร สมจิตร ซึ่งพบว่ามีการเพิ่มชื่อในสำนักทะเบียนอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ก่อนจะย้ายมาอยู่ในเขตสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครเชียงใหม่ ขณะเดียวกัน นายอาจง แซ่หลู่ ได้ไปเพิ่มชื่อในการสำรวจบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะบีบนในสำนักทะเบียนอำเภอเชียงดาว ในชื่อนายภานุ ปาปือ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2550 ก่อนจะทำการสวมตัวทำบัตรโดยการถ่ายรูปทำบัตรประชาชนครั้งแรกในเขตสำนักทะเบียนอำเภอแม่อาย ในชื่อนายถาวร สมจิตร เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2554 และต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในคดีค้ายาเสพติดเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2555

ส่วนกรณีสุดท้ายเป็นการสำรวจบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนในเขตอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตามข้อมูลสรุปสถิติการทำบัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนอำเภอเวียงแหง ณ วันที่ 9 ก.พ. 2553 มีจำนวนรวม 18,107 ราย ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่ามีบางส่วนที่ต้องสงสัยว่าจะดำเนินการโดยไม่ถูกต้อง เช่นมีผู้ที่เดินทางเข้ามาอาศัยในประเทศไทยหลัง 30 ก.ย. 2552 จำนวน 408 ราย ไม่มีคำสั่งนายทะเบียนอนุมัติตามแบบ 89 3,428 ราย ไม่มีคำสั่งนายทะเบียนอนุมัติตามแบบ 89/3 จำนวน 327 ราย ไม่มีพยานลงลายมือชื่อในแบบบรรทุกการสอบสวน (ปค.14) จำนวน 881 ราย เป็นต้น

นายธาริตกล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าเป็นการเพิ่มชื่ออย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งขณะนี้ดำเนินการมาแล้วประมาณ 1 เดือน จากการตรวจสอบพบว่ามีการสวมสิทธิจากผู้เสียชีวิต ผู้ที่ต้องโทษติดคุก หรือผู้ที่ไม่มีความเคลื่อนไหวทางทะเบียนเป็นเวลานาน รวมทั้งการฉวยโอกาสเพิ่มชื่อในช่วงที่รัฐอนุญาตให้คนไร้สัญชาติยื่นคำขอมีสัญชาติ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐรู้เห็นเป็นใจ

นายธาริตกล่าวต่อไปว่า การประชุมครั้งนี้นอกจากจะเป็นการนำเสนอข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติแล้ว ยังเป็นการป้องปรามให้เจ้าหน้าที่ตระหนักถึงความร้ายแรงและโทษของการกระทำดังกล่าว ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ เนื่องจากกลุ่มบุคคลที่เพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรและสวมตัวทำบัตรประจำตัวประชาชนมักมีความเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมต่างๆ ซึ่งในขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขึ้นบัญชีเจ้าพนักงานที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายต้องสงสัยจำนวนหนึ่งไว้แล้วราวๆ 10 ราย โดยพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำๆ แม้จะย้ายที่ทำงานก็ยังคงกระทำผิด ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้จับตาดูบุคคลเหล่านี้แล้ว หากพบหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินการทั้งทางกฎหมายและทางวินัยทันที

กำลังโหลดความคิดเห็น