xs
xsm
sm
md
lg

แก้ปัญหาชายไร้สัญชาติ จนท.ป้อมปราบฯแนะเข้าบ้านพักชั่วคราว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าหน้าที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แนะชายไร้สัญชาติ เข้าบ้านพักชั่วคราว เชื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ ชี้ พบจุดบกพร่อง มีการจดแจ้งชื่อของมารดา สองนามสกุล แนะยื่นเรื่องใหม่

จากกรณีที่โครงการบางกอกคลินิกเพื่อให้คำปรึกษากฎหมายด้านสถานะและสิทธิของบุคคล กองทุนศาสตราจารย์ คนึง ฦาไชย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โดย น.ส.ศิวนุช สร้อยทอง ตัวแทนจากโครงการบางกอกคลินิกฯ และ นางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ประธานเครือข่ายคนไร้สัญชาติ ในคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ได้นำ นายชาญ สุจินดา บุคคลไร้สถานะทางทะเบียน ซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนวัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.ได้เข้าพบ พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในขณะนั้นเพื่อขอความเป็นธรรม ในการคุ้มครองสิทธิในสัญชาติไทย และคุ้มครองสิทธิอาศัย รวมถึงสิทธิในการอยู่อาศัย ของ นายชาญ ในฐานะผู้ทรงสิทธิในสัญชาติไทย แต่กลายเป็นคนเสมือนไร้รากเหง้าเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 แล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2556 ที่สำนักเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.โครงการบางกอกคลินิกฯ พร้อมตัวแทนพยานบุคคลในชุมชนเดียวกัน เข้ายื่นเอกสารบันทึกการให้ถ้อยคำของพยานบุคคล พร้อมด้วยพยานหลักฐาน เอกสาร ต่อเจ้าหน้าที่สำนักเขตฯ เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนขอเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร โดยมี นายสุวัฒน์ ตันเสถียร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ (ผช.ผอ.) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับเรื่องแทน นายวิทยา สิงหะไกรวรรณ ผู้อำนวยการเขต

โดยนายสุวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาของนายชาญในการขอเปลี่ยนสถานะจากบุคคลไร้สถานะมาเป็นสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์ ยังต้องอาศัยขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทราบว่าครั้งหนึ่งนายชาญพร้อมด้วยพยานก็เคยได้เข้ายื่นเอกสารแล้ว แต่เนื่องจากขาดความสมบูรณ์ของเอกสาร จึงต้องรอยื่นเรื่องอีกครั้งเพื่อความชัดเจน ทั้งที่เป็นพยานหลักฐานเอกสาร พยานหลักฐานที่เป็นบุคคล ซึ่งจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำต่อไป ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ทางสำนักเขตฯ เห็นควรว่า นายชาญ น่าจะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านพักอิ่มใจก่อน ซึ่งบ้านพักดังกล่าวเป็นอาคารพักของบุคคลไร้ที่อยู่อาศัย โดยภายในบ้านพักจะมีการฝึกอาชีพเสริมให้กับผู้เข้าพักพร้อมอาหารสองมื้อหลัก เช้า และเย็น โดยตัวอาคารสูง 3 ชั้น แบ่งเป็นห้องพักรวมหญิง และห้องพักรวมชาย

ขณะที่นายสมชาย บำรุงจิตต์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ สำนักเขตฯ กล่าวว่า กรณีของนายชาญ นั้น จากการยื่นเอกสารครั้งแรก พบว่า มีการอ้างชื่อมารดาของนายชาญ ปรากฏชื่อในทะเบียนราษฎร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.เป็น 2 คน คือ นางผิว สุจินดา และ นางผิว กิจเกษม สัญชาติไทย ซึ่งจากการหลักฐานที่ปรากฏก็สร้างความไม่น่าเชื่อถือแล้ว จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของพยานใหม่อีกครั้ง คือ เริ่มใหม่ทุกขั้นตอน ดังนั้น สิ่งที่ทางโครงการบางกอกคลินิกฯ และ นายชาญ ต้องทำต่อไป คือ 1.ต้องดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษรในการยื่นคำร้องขอพิสูจน์สถานะของบุคคล ที่สำนักงานเขตฯ ซึ่งบุคคลนั้นได้ยืนยันว่า เป็นสถานที่เกิด โดยกรณีนายชาญก็มีบัตรบุคคลไร้สถานะทางทะเบียนที่ออกโดยสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายแล้ว ขั้นที่ 2 ต้องมีการอ้างพยานที่น่าเชื่อถือ ทั้งพยานหลักฐานที่ป็นเอกสาร และพยานหลักฐานที่เป็นบุคคล 3.เจ้าหน้าที่สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง และประเมินว่า หลักฐานมีความสอดคล้อง กับข้อเท็จจริงเพียงใด ซึ่งระยะเวลานั้นไม่มีกำหนดชัดเจนว่าต้องแล้วเสร็จเมื่อใด 4.ตรวจดีเอ็นเอ กับญาติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตามเอกสารที่ยื่นมา คือ พี่ชายต่างบิดาของนายชาญ แต่ทั้งนี้ หากพยานบุคคลน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองแล้วว่า การให้ปากคำทุกอย่างเป็นจริงก็จะสามารถขอเพิ่มชื่อเป็นคนไทยได้ แต่อย่างไรก็ตาม การตรวจดีเอ็นเอ ถือว่า เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดก็ไม่สามารถระบุเวลาแล้วเสร็จได้อย่างแน่ชัด โดยหลักจากที่ยื่นเอกสารแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพยานหลักฐาน อย่างละเอียดแล้วแจ้งผลต่อไป อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาบุคคลไร้สถานะทางทะเบียนเบื้องต้นนั้น สำหรับผู้ที่ไร้บ้าน ไร้สัญชาติ ก็แนะนำว่า ให้พักในบ้านพักชั่วคราวเสียก่อน

ด้านนายชาญ กล่าวว่า ในเรื่องของการดำเนินการเข้าไปอาศัยในบ้านพักอิ่มใจนั้น ขอเวลาสักระยะในการตัดสินใจ ว่าจะอยู่หรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่อยากจากชุมชนไปไกล

อนึ่ง สำหรับข้อมูลของบ้านพักอิ่มใจนั้น ตั้งอยู่เลขที่ 2/22 สี่แยกแม้นศรี เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย บริเวณสำนักงานการประปา สาขาแม้นศรี (เดิม) ผู้ที่ไร้ที่อยู่อาศัยสามารถติดต่อเข้าพักเป็นรายวัน ตั้งแต่เวลา 15.00-22.00 น.และออกจากที่พัก ระหว่างเวลา 09.00-14.00 น.ซึ่งภายในบ้านพักจะมีการฝึกอาชีพต่างๆ แก่คนไร้บ้าน ไร้ที่อยู่ เช่น งานด้านการช่าง การนวดไทย เป็นต้น ซึ่งเมื่อมีการฝึกอบรมจนพร้อมแล้ว ก็จะส่งตัวออกสู่สังคมอย่างปกติ สอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลข 08 0915 1009

น.ส.สายชล สิมะกุลธร ตัวแทนจากโครงการบางกอกคลินิกฯ กล่าวว่า กรณีพบชื่อมารดาของนายชาญ เป็น นางผิว มี 2 นามสกุล คือ “กิจเกษม และสุจินดา” นั้น น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของการจดแจ้งชื่อทางทะเบียน ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานเอกสารประกอบการให้ถ้อยคำ พบว่า ความจริงเป็นนางผิวคนเดียวกัน แต่มีการจดชื่อซ้ำ ในทะเบียนราษฎร ซึ่งกรณีของ นายสว่าง สังข์ทอง หรือ ลุงแกละ พี่ชายต่างมารดาของนายชาญก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า แต่เดิมไม่ได้ชื่อนายสว่างแต่ชื่อ นายศิริ กิจเกษม แต่ขอเปลี่ยนชื่อกับทางเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แล้วขอดำเนินการเปลี่ยนชื่อใหม่และใช้นามสกุลพ่อ

ด้าน นางเตือนใจ กล่าวว่า อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตฯ ได้ดำเนินการกรณีของนายชาญ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงได้ห็นว่า ปัญหาของผู้เฒ่าไร้สัญชาติ และไร้บ้าน นั้นเป็นปัญหาใหญ่เพียงใด ซึ่งกรณีของนายชาญ นั้น เชื่อว่าการตรวจดีเอ็นเอนั้นไม่ยาก เพราะพี่ชายต่างบิดา ชื่อ นายสว่าง สังข์ทอง หรือ ลุงแกละ ชายสัญชาติไทย เกิดปี พ.ศ.2475 ตำบลพันเสา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อย่างไรก็ตามในฐานะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ก็จะติดตามการดำเนินการของสำนักเขตฯ ต่อไป เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหา คนไร้บ้น ไร้รัฐ ให้เป็นระดับนโยบาย เพื่อสิทธิมนุษยชน ของบุคคลต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น