นช.ทักษิณ ชินวัตร มักจะโจมตีระบบศาลไทย เมื่อตัดสินให้เขาแพ้คดี เช่ น กล่าวหาว่า ศาลไทยเป็นศาลแกงการูบ้าง ระบบยุติธรรมของไทย เป็น ระบบที่ ยุติความเป็นธรรม บ้างฯลฯ แต่ในขณะเดียวกัน นช. ทักษิณ ก็ใช้ศาล ที่ตนเองไม่เชื่อถือ เป็นช่องทางในการเล่นงานผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของตน ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี และในช่วงที่ไมได้เป็น แต่ปลุกระดมคนเสื้อแดงให้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมือง
ในขณะที่ตัวหลบหนี โทษจำคุก 2 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และมีหมายจับอีกหลายคดี ทั้งคดีเกีย่วกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และคดีก่อการร้าย ที่ยุยงให้คนเสื้อแดง เผาบ้านเผาเมือง ในการชุมนุมระหว่างเดือนมีนาคม พฤษภาคม 2553 นช. ทักษิณ ก็ใช้ให้ลิ่วล้อบริวาร เที่ยวฟ้องบรรดาผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับตน ให้ข้อหาหมิ่นประมาท โ ดยเฉพาะ แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกนช. ทักษิณฟ้องศาลนับรวมกันแล้วหลายสิบคดี
เป็นศาลเดียวกับที่ นช. ทักษิณกล่าวหาว่า ไม่มีความเป็นธรรม แต่เวลาจะเล่นงานคนอื่น ก็มาขอความเป็นธรรมจากศาลที่ตัวเองไม่ยอมรับ โดยที่ตัวเอง ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาผู้อื่น ไม่ต้องมาขึ้นศาลให้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาซักค้าน
อย่างไรก็ตาม กรรมนั้น เป็นเครื่องส่อเจตนา คดีที่ นช. ทักษิณ ฟ้องหมิ่นประมาท พันธมิตร หลายคดี เมื่อมีการนำสืบพยาน แสดงหลักฐาน พิสูจน์กันในศาลแล้ว หลายๆคดี ศาลยกฟ้อง เพราะพฤติกรรมของ นช. ทักษิณ ที่ศาลได้รับฟังจากจำเลยนั้น มันเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อกล่าวหาที่ว่า จาบจ้วง ล่วงเกินสถาบัน คิดการใหญ่
คดีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ในปีนี้ มีอย่างน้อยสองคดี คดีแรกคือ คดี ที่ นช. ทักษิณฟ้องแกนนำ พธม. ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ในกรณีที่พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 /2551 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดของตนเองและพวกพ้อง และแถลงการณ์ฉบับที่ 5/2551 วันที่ 2 เมษายน 2551 เรื่อง พร้อมต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตยเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาล มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ให้ยกฟ้อง
ในคดีเดียวกันนี้ นช.ทักษิณยังฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพิ่มอีกกระทงหนึ่งว่า กล่าวหาตัวเองอยากจะเป็นประธานาธิบดี ซึ่งศาลได้ตรวจดูเอกสารคำให้สัมภาณ์ การกล่าวปราศรัยของ นช. ทักษิณ ที่จำเลยยื่นต่อศาลแล้ว เห็นว่า
ข้อเท็จจริงตามข่าวสารดังกล่าวจึงมีมูลเหตุให้น่าเชื่อไปได้ว่า โจทก์มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของโจทก์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในคำพิพากษาของศาลอาญาซึ่งยกฟ้องโจทก์คดีหมิ่นประมาทเรื่องกลับมาเป็นประธานาธิบดี เอกสารหมาย ล.๒๙ ทำให้ข้อเท็จจริงต่างๆ ย้อนกลับไปยังให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ ๑ ขณะเกิดเหตุว่าอาจมีมูลความจริงตามที่เชื่อก็ได้ สมควรยกประโยชน์ในทางเป็นคุณให้แก่จำเลยที่ ๑
หลังจากนั้นอีก 1 เดือน มีการอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ในคดี ที่ นช. ทักษิณ ฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า หมิ่นประมาทตน ด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อว่า คิดจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีและยังได้กล่าวอภิปรายในสภาฯ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 ว่าในจิตใจส่วนลึกของ พ.ต.ท.ทักษิณอยากเป็นประธานาธิบดี ซึ่งศาลชั้นต้นยกฟ้อง และศาลอุทธรณ์ตามศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า
เมื่อพฤติการณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดงและตัวโจทก์ทำให้จำเลยและประชาชนเห็นว่ามีเจตนาส่อไปในทางที่สอดคล้องกับคำเทศนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้ จำเลยจึงจะมีสิทธิอันชอบธรรมทั้งในฐานะประชาชนที่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ที่จะแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรม
คดีล่าสุด ก่อน สิ้นปี 2555 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีแพ่ง ที่ นช. ทักษิณ ยื่นฟ้อง นายประพันธ์ คูณมี, บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด เรียกค่าสินไหมทดแทน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีหมิ่นประมาท ว่า 1. ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินเป็นที่เสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชน ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์แก่ตนเอง ญาติพี่น้องและพวกพ้อง มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต 2. ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 3. เป็นคนไร้สัญชาติ ไม่มีชาติ ไม่มีประเทศคิดแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว และ 4. บ้าเซ็กซ์ บ้ากาม
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม 2553 นช. ทักษิณ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ตอนหนึ่งของคำพิพากษษ มีใจความว่า
จำเลยทั้งสามนำสืบพยานหลักฐานหลายประการซึ่งอ้างว่า ทำให้จำเลยทั้งสามเชื่อว่าข้อความที่จำเลยที่ 1 (นายประพันธ์) กล่าวหากโจทก์เป็นจริง เช่นข้อเท็จจริงที่โจทก์ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 และโจทก์หลบหนีไปต่างประเทศจนศาลต้องออกหมายจับก็ดี การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งยึดทรัพย์สินของโจทก์เพราะเหตุร่ำรวยผิดปกติ และประพฤติมิชอบขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ดี
การที่โจทก์ในขณะเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นประธานประกอบพิธีศาสนสัมพันธ์สมานฉันท์แห่งชาติ พิธีทำบุญประเทศ ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยโจทก์นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ประทับโดยปกติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ชั้นสูงก็ดี การปล่อยให้บุคคลซึ่งใกล้ชิดกับโจทก์เคลื่อนไหวในลักษณะท้าทายอำนาจแห่งองค์พระมหากษัตริย์ก็ดี หรือการที่โจทก์ใช้ชีวิตใกล้ชิดพบปะกับดาราหรือบุคคลในวงการบันเทิงที่เป็นสตรีในต่างประเทศก็ดี
เห็นว่า พยานหลักฐานฝ่ายจำเลยน่าเชื่อได้ว่า ในขณะที่จำเลยที่ 1 ปราศรัยด้วยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำ การไม่กระทำ ความคิด จริยธรรม แม้กระทั่งชีวิตส่วนตัวของโจทก์ จำเลยที่ 1 เชื่อว่าเป็นความจริง ทั้งนี้อาจเกิดจากความครุ่นคิดฝักใฝ่ ความกระตือรือร้น ความรู้สึกส่วนตัวหรือความเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังจากพรรคพวก จึงทำให้จำเลยที่ 1 กล่าวหาโจทก์เช่นนั้น
เมื่อโจทก์เป็นบุคคลสาธารณะ ประชาชนย่อมมีสิทธิที่จะได้รับฟังความคิดเห็นของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีความสนใจในกิจการบ้านเมืองและการบริหารประเทศ ย่อมต้องถือเป็นประโยชน์ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยซึ่งทั้งโจทก์และฝ่ายจำเลยยกย่องและเชิดชู
โจทก์ย่อมใช้บุคลากรและอุปกรณ์ที่โจทก์มีอยู่เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบความจริงในสายตาของโจทก์ ฝ่ายจำเลยเองก็ย่อมใช้สิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพียงแต่ฝ่ายจำเลยต้องอยู่ในกรอบของความถูกต้องชอบธรรม รวมทั้งจริยธรรมและมารยาทในสังคมด้วย
การกล่าวหากโจทก์ของจำเลยที่ 1 แม้บางประเด็นจะเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพอาจจะจะถึงขั้นหยาบคาย แต่ก็เป็นเพียงปัญหาด้านจริยธรรมและมารยาท ยังไม่ถือเป็นละเมิดตามกฎหมาย
ในความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท มีข้อยกเว้นความผิดอยู่ว่า หากบุคคลที่ถูกกล่าวหา ตำหนิติเตียน เป็นบุคคลสาธารณะ และ การกล่าววหานั้น เป็นไปโดยสุจริต
จำเลยที่ถูก นช. ทักษิณ ฟ้องหมิ่นประมาท ทั้ง 3 คดี พิสูจน์ว่า การกล่าวหาน ช. ทักษิณ เป็นไปโดยสุจริต และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยยกเอาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง มาแสดงให้ศาลได้เห็นว่า คำพูด ข้อกล่าวหาของจำเลย ไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่เป็นเรื่องจริง หรืออย่างน้อยจำเลยเชื่อว่า เป็นจริง
คำพิพากษาทั้งสามคดี ทั้งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ผู้ที่ได้อ่านโดยละเอียด จะเห็นได้เลยว่า นช. ทักษิณ เป็นคนอย่างไร มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ หรือว่าเป็นเพียงการใส่ร้าย กลั่นแกล้ง