xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอลุยสอบทุจริตสวมบัตร ปชช. พบปลัด-กำนัน-ผช.ผญบ.เวียงแหงเอี่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ดีเอสไอเดินหน้าสอบทุจริตสวมบัตรประชาชนต่อ หลังเจอพิรุธที่เวียงแหงกว่า 1.8 หมื่นราย พบปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมีเอี่ยวด้วย ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธแม้มีวิดีโอเป็นหลักฐาน อ้างรับเงินแล้วส่งคืน บอกมีนายหน้า 24 คนทำกันเอง เรียกเงินหัวละ 1-6 พันบาท แต่บอกชื่อไม่ได้ หวั่นภัยถึงตัว

บ่ายวันนี้ (11 ก.พ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมพนักงานสอบสวน ได้ร่วมหารือกับนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ปฏิบัติงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อหามาตรการป้องกันปัญหาการสวมบัตร ที่ตรวจสอบพบว่าในพื้นที่ชายแดนของจังหวัดมีการสวมบัตรประชาชนเกือบ 2 หมื่นราย

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายอาจง แซ่หลู่ หรือนายภาณุ ปาบือ หรือนายถาวร สมจิตร ราชาค้ายาเสพติดรายใหญ่ ต่อมาดีเอสไอขยายผลจนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้สวมบัตรประชาชน โดยมีบัตร 2 ใบ 2 สถานะ แต่มีภาพถ่ายติดบัตรใบหน้าเดียวกัน 2 ใบ คือ บัตรประชาชนในฐานะคนไทยขึ้นต้นด้วยเลข 3 ออกที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และบัตรประจำตัวคนพื้นที่สูง เลข 0 ออกที่บ้านเมืองนะ เลขที่ 7 หมู่ 2 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

กรณีดังกล่าวดีเอสไอได้ขยายผลตรวจสอบทะเบียนราษฎร พบมีผู้สวมทะเบียนราษฎร จึงทำงานแบบบูรณาการตรวจสอบทุจริตเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร และทำบัตรประชาชนโดยมิชอบ โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนการทุจริตทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด จนพบว่าช่วงปี 2548-2549 บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนในเขต อ.เวียงแหง มีชื่อเพิ่มเข้าในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร 18,107 รายตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคงดีเอสไอ พร้อมคณะทำงานได้สอบปากคำนายชัชญาณ ไชยยามูล อายุ 50 ปี ปลัดอำเภอเวียงแหง ผู้ดูแลฝ่ายทะเบียนและบัตร นายเต็งยุ่น ผายนาง กำนันตำบลเปียงหลวง อ.เวียงแหง และนายสุพรรณ มหาวรรณา ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.เปียงหลวง ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเวียงแหง และพบว่าทั้งหมดมีส่วนรู้เห็นในการลงรายชื่อออกบัตรบุคคลพื้นที่สูง เลขนำหน้าเลข 0 ถึง 18,107 คน

ด้านนายชัชญาณทำหน้าที่สำรวจบุคคลไม่มีฐานทางทะเบียน เลขประจำตัวประชาชนหมายเลข 0 ระบุว่า กรณีแบบสำรวจ ปค.14 ที่ไม่มีพยานมาเซ็นรับรองสถานะแล้วมีบัตรได้นั้นยอมรับว่ามีผิดพลาดเพียง 2 รายที่ไม่มีผู้มายืนยันสถานะ และยอมรับว่ามีบางคนที่พบว่ารูปใบหน้าไม่ตรงกับผู้ที่มีรายชื่อแจ้งขอออกบัตรประจำตัวพื้นที่สูงแล้วออกบัตรให้ไป แต่ที่ออกให้ไปก่อนนั้นเป็นเพราะชาวบ้านจำนวนมากขอออกบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน จึงมีเอกสารจำนวนมาก ต้องใช้วิธีให้เอารายชื่อชาวบ้านทั้งหมดเข้าระบบในรายการก่อน แล้วให้ผู้รับรองมารับรอง พร้อมเซ็นออกบัตร จึงทำให้บางคนมีบัตร แต่ไม่มีผู้รับรอง เช่นเดียวกันกับการที่มีรูปใบหน้าไม่ตรงกับรูปเดิมที่มาแจ้งขอออกบัตรหลังวันที่ 30 กันยายน 2542

“ผมยอมรับว่าดำเนินการผิดขั้นตอนในช่วงปี 2550-2551 เพราะหากผ่านกระบวนการสำรวจจากผมโดยไม่มีผู้รับรองสถานะในครั้งแรกก็ไม่สามารถทำบัตรให้ได้”

ขณะที่นายเต็งยุ่นยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่รับรองในเอกสาร ปค.14 ให้ผู้ที่มาร้องขอ เพื่อจะได้มีบัตรประจำตัวหมายเลข 0 นำหน้า เพราะรัฐบาลประกาศให้มาลงทะเบียน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนต่างด้าวทุกคนต้องการมาลงทะเบียนกันหมด ตนในฐานะผู้นำท้องถิ่นก็ต้องช่วยเหลือไปตามหน้าที่ ส่วนที่ถูกกล่าวหาเรียกรับเงินจากชาวบ้านที่จนมีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานนั้นยอมรับว่าเป็นภาพของตนเองรับเงินมา แต่ก็ได้ส่งคืนเงินให้ภายหลัง โดยยังไม่ได้นับเงินด้วยซ้ำว่ามีกี่บาท

“กระบวนการที่เรียกรับเงินชาวบ้านมาขอออกบัตรนั้น ผมยอมรับว่ามีจริงในพื้นที่ แต่นายหน้ามีมากถึง 24 คน ทำกันเอง แต่ผมไม่กล้าบอกชื่อเพราะกลัวจะเกิดอันตรายกับตัวเอง ทราบเพียงว่าแก๊งนายหน้าจะเรียกรับเงินรายละ 1,000-6,000 บาท”

ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ย้ำว่า การสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกบัตรให้บุคคลไม่มีฐานทางทะเบียน เลขประจำตัวประชาชนหมายเลข 0 ที่พบว่าเอกสารไม่ครบถ้วน ไม่มีรายชื่อพยาน และผู้รับรองสถานะ และยังกรอกรายการไม่ครบ จำนวน 18,107 ราย ตรวจสอบแล้ว 10,000 ราย คาดว่าอีก 1 เดือนจะสรุปได้ทั้งหมด ซึ่งการตรวจเอกสารแล้วไม่ครบก็ถือว่าทำผิดระเบียบ ส่วนจะทุจริตในหน้าที่หรือไม่นั้นจะพิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินคดีอาญาที่ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนกระบวนการทางวินัยก็เป็นหน้าที่ของทางจังหวัด
กำลังโหลดความคิดเห็น