เมื่อวานนี้ ( 23 ม.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ร่วมกันหารือถึงความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงทะเบียนราษฎร์โดยการสวมบัตรประจำตัวประชาชนของคนต่างด้าว
จากนั้นนายจารุพงศ์ แถลงว่า กระทรวงมหาดไทย ได้หารือกับดีเอสไอ เพื่อทำความร่วมมือด้านงานการทะเบียนราษฎร์ และบัตรประจำตัวประชาชน ตามที่ดีเอสไอได้ตรวจสอบพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกระบวนการค้ามนุษย์ มีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านเพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นคนไทย ทางกระทรวงและดีเอสไอ จะร่วมมือเพื่อปราบปราม โดยนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์มาใช้ในการตรวจสอบค้นหาข้อมูลจะสามารถติดตามต้นตอของผู้กระทำความผิดได้ โดยมอบหมายให้ผู้อำนวยการ สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครองและ ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ของดีเอสไอ ประสานงานในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และเบาะแสการกระทำความผิด และให้มีทีมงานร่วมของสองหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบในสำนักงานทะเบียน ที่พบว่ามีการกระทำผิด เพื่อรวบรวมหลักฐาน และดำเนินคดีทางกฎหมาย เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนได้เป็นอย่างดี
นายจารุพงศ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการทำหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ผิดพลาดจนเกิดเป็นข่าวครึกโครม ว่าได้รับการชี้แจงว่า หลักฐานที่ไม่ได้นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือหลักฐานที่มีก่อนปี 2535 อาจจะไม่ได้รับการบันทึก อย่างไรก็ดี กระทรวงได้กำหนดมาตรการให้ เดือนกุมภาพันธ์ 2556 เป็นเดือนแห่งการตรวจสอบ และสะสางหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ให้ถูกต้อง หากหลักฐานของใครไม่ถูกต้อง ให้มาแก้ไขที่สำนักงานทะเบียนที่ว่าการอำเภอได้
ด้านนายธาริต ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ว่า จากข้อมูลของดีเอสไอ มีข้อมูลเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงทะเบียนราษฎร์มากน้อยเพียงใดว่า เรื่องนี้มีการทำกันเป็นกระบวนการ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดการปลอมแปลงได้คือ การให้บริการของกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องการให้บริการรวดเร็ว ทำให้การตรวจสอบหลักฐานไม่เรียบร้อย และพบว่ามีการใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนทำบัตรประชาชนปลอม ทั้งนี้การประสานงานของสองหน่วยงาน จะมีการตรวจสอบ และดำเนินการทันที ที่ จ.เชียงใหม่
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องนี้เกิดขึ้นทางภาคอีสาน แต่ตอนนี้ลดลงไป มีที่แนวตะเข็บชายแดนทางภาคเหนือโดยกลุ่มที่ทำคือ ขบวนการค้ายาเสพติด และขบวนการค้ามนุษย์ ผลจากการสนธิกำลังของสองหน่วยงานจะตามเล่นงานคนที่ทำผิดในอดีต และงานเชิงรุกที่จะป้องกัน และปราบปรามไม่ให้มีการทำความผิด ตอนนี้ตัวเลขจำนวนที่ตรวจสอบพบ ไม่ใช่เรื่องน่าห่วงมากกว่าการปล่อยให้คนเหล่านี้ทำไปทำความผิดซึ่งถือเป็นความรุนแรง
-------------
จากนั้นนายจารุพงศ์ แถลงว่า กระทรวงมหาดไทย ได้หารือกับดีเอสไอ เพื่อทำความร่วมมือด้านงานการทะเบียนราษฎร์ และบัตรประจำตัวประชาชน ตามที่ดีเอสไอได้ตรวจสอบพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกระบวนการค้ามนุษย์ มีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านเพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นคนไทย ทางกระทรวงและดีเอสไอ จะร่วมมือเพื่อปราบปราม โดยนำข้อมูลทะเบียนราษฎร์มาใช้ในการตรวจสอบค้นหาข้อมูลจะสามารถติดตามต้นตอของผู้กระทำความผิดได้ โดยมอบหมายให้ผู้อำนวยการ สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครองและ ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ของดีเอสไอ ประสานงานในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และเบาะแสการกระทำความผิด และให้มีทีมงานร่วมของสองหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบในสำนักงานทะเบียน ที่พบว่ามีการกระทำผิด เพื่อรวบรวมหลักฐาน และดำเนินคดีทางกฎหมาย เชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนได้เป็นอย่างดี
นายจารุพงศ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการทำหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ผิดพลาดจนเกิดเป็นข่าวครึกโครม ว่าได้รับการชี้แจงว่า หลักฐานที่ไม่ได้นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือหลักฐานที่มีก่อนปี 2535 อาจจะไม่ได้รับการบันทึก อย่างไรก็ดี กระทรวงได้กำหนดมาตรการให้ เดือนกุมภาพันธ์ 2556 เป็นเดือนแห่งการตรวจสอบ และสะสางหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ให้ถูกต้อง หากหลักฐานของใครไม่ถูกต้อง ให้มาแก้ไขที่สำนักงานทะเบียนที่ว่าการอำเภอได้
ด้านนายธาริต ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ว่า จากข้อมูลของดีเอสไอ มีข้อมูลเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงทะเบียนราษฎร์มากน้อยเพียงใดว่า เรื่องนี้มีการทำกันเป็นกระบวนการ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดการปลอมแปลงได้คือ การให้บริการของกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องการให้บริการรวดเร็ว ทำให้การตรวจสอบหลักฐานไม่เรียบร้อย และพบว่ามีการใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนทำบัตรประชาชนปลอม ทั้งนี้การประสานงานของสองหน่วยงาน จะมีการตรวจสอบ และดำเนินการทันที ที่ จ.เชียงใหม่
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องนี้เกิดขึ้นทางภาคอีสาน แต่ตอนนี้ลดลงไป มีที่แนวตะเข็บชายแดนทางภาคเหนือโดยกลุ่มที่ทำคือ ขบวนการค้ายาเสพติด และขบวนการค้ามนุษย์ ผลจากการสนธิกำลังของสองหน่วยงานจะตามเล่นงานคนที่ทำผิดในอดีต และงานเชิงรุกที่จะป้องกัน และปราบปรามไม่ให้มีการทำความผิด ตอนนี้ตัวเลขจำนวนที่ตรวจสอบพบ ไม่ใช่เรื่องน่าห่วงมากกว่าการปล่อยให้คนเหล่านี้ทำไปทำความผิดซึ่งถือเป็นความรุนแรง
-------------