การหารือร่วมกันระหว่างนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือด้านงานทะเบียนราษฎร์และบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งมีข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ระบุว่า มีขบวนการค้ายาเสพติด และขบวนการค้ามนุษย์ที่เป็นต่างด้าว ปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน เพื่อสวมสิทธิ์ในการเป็นคนไทย แล้วนำไปใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ
ทั้งนี้ พื้นที่ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่ถูกระบุว่ามีการปลอมแปลงบัตรจำนวนหลายหมื่นใบ และจะถูกจับตามากเป็นพิเศษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาก่อน ซึ่งเบื้องต้นมีข้อมูลว่า มีสำนักทะเบียนที่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ถึง 13 แห่ง
สำหรับวิธีการดำเนินการ ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบระบบทะเบียนราษฎร์ต้องสงสัย โดยจะเริ่มปฏิบัติการในวันนี้ (24 ม.ค.) เบื้องต้นมีการกำหนดให้เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งการตรวจสอบและสะสางหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ให้ถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะมุ่งกวาดล้างขบวนการกระทำความผิดแล้ว ยังรวมไปถึงการให้บริการเป็นกรณีพิเศษกับผู้ที่มีหลักฐานไม่ถูกต้อง ให้เร่งเข้ามาแก้ไขโดยด่วน
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขบวนการเหล่านี้มีเจ้าหน้าที่คอยให้การช่วยเหลือขบวนการปลอมแปลงทะเบียนราษฎร์ อาศัยช่องโหว่ของการเชื่อมโยงที่รวดเร็วผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะมีการตกหล่น หรือสูญหาย หรือถูกแก้ไขได้โดยเจ้าหน้าที่ รวมทั้งยังมีหลักฐานบางส่วนที่ไม่ได้ถูกจัดเก็บเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์กลาง เพราะเป็นหลักฐานที่มีมาก่อนปี 2535 ที่ขณะนั้นยังไม่มีการบันทึกไว้ในระบบ
ทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันตรงกันว่า หากพบเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ จะดำเนินการเอาผิดอย่างถึงที่สุด เพราะต้องการกวาดกล้างการกระทำความผิดที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ เพราะกลุ่มผู้กระทำความผิดส่วนใหญ่ที่สวมบัตรก็เป็นคนไทย โดยนอกจากจะใช้เป็นช่องทางในการค้ามนุษย์ และค้ายาเสพติดแล้ว ยังนำไปกว้านซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ พื้นที่ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่ถูกระบุว่ามีการปลอมแปลงบัตรจำนวนหลายหมื่นใบ และจะถูกจับตามากเป็นพิเศษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาก่อน ซึ่งเบื้องต้นมีข้อมูลว่า มีสำนักทะเบียนที่อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ถึง 13 แห่ง
สำหรับวิธีการดำเนินการ ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมกันจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบระบบทะเบียนราษฎร์ต้องสงสัย โดยจะเริ่มปฏิบัติการในวันนี้ (24 ม.ค.) เบื้องต้นมีการกำหนดให้เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งการตรวจสอบและสะสางหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ให้ถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะมุ่งกวาดล้างขบวนการกระทำความผิดแล้ว ยังรวมไปถึงการให้บริการเป็นกรณีพิเศษกับผู้ที่มีหลักฐานไม่ถูกต้อง ให้เร่งเข้ามาแก้ไขโดยด่วน
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขบวนการเหล่านี้มีเจ้าหน้าที่คอยให้การช่วยเหลือขบวนการปลอมแปลงทะเบียนราษฎร์ อาศัยช่องโหว่ของการเชื่อมโยงที่รวดเร็วผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะมีการตกหล่น หรือสูญหาย หรือถูกแก้ไขได้โดยเจ้าหน้าที่ รวมทั้งยังมีหลักฐานบางส่วนที่ไม่ได้ถูกจัดเก็บเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์กลาง เพราะเป็นหลักฐานที่มีมาก่อนปี 2535 ที่ขณะนั้นยังไม่มีการบันทึกไว้ในระบบ
ทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันตรงกันว่า หากพบเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ จะดำเนินการเอาผิดอย่างถึงที่สุด เพราะต้องการกวาดกล้างการกระทำความผิดที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ เพราะกลุ่มผู้กระทำความผิดส่วนใหญ่ที่สวมบัตรก็เป็นคนไทย โดยนอกจากจะใช้เป็นช่องทางในการค้ามนุษย์ และค้ายาเสพติดแล้ว ยังนำไปกว้านซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศไทยด้วย
