ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “บีโอไอ” เดินสายระดมความเห็นนักลงทุนไทย-เทศในภาคอีสานร่วมจัดทำ “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่” ที่โคราช รมว.อุตฯ ชูอีสานเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมเกษตรของไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอินโดจีน ด้านเลขาธิการบีโอไอชี้ไม่ลดสิทธิประโยชน์ แต่ปรับให้สอดคล้องโลก พัฒนาประเทศไปสู่ ศก.ฐานความรู้มากขึ้น
วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนา “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน” โดยมีนายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นักธุรกิจ นักวิชาการ ข้าราชการ และประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมกว่า 1,000 คน
ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2556-2560) และเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้แสดงความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งจะทำให้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทย โดยเป็นทั้งศูนย์กลางการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และเป็นฐานการผลิตพืชอาหารและพืชพลังงานทดแทนที่สำคัญ รวมทั้งเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมสนับสนุนอื่นๆ ซึ่งการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่นี้จำเป็นจะต้องรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่มีฐานการผลิตในภาคอีสานด้วย เพื่อบีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรมจะได้จัดทำแนวทางการส่งเสริมการลงทุนที่ช่วยต่อยอดการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรม รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าจากทรัพยากรด้านการเกษตร ซึ่งภาคอีสานถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญที่สุดของประเทศ
“ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเชื่อมโยงด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีถึง 10 จังหวัดที่มีพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงเปรียบเสมือนประตูการค้าการลงทุนสู่อินโดจีน และรัฐบาลก็มีแผนดำเนินโครงการสำคัญเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน เช่น รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงมียุทธศาสตร์ที่จะสนับสนุนการลงทุนในภาคอีสานด้วยเช่นกัน” นายประเสริฐกล่าว
ด้านนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่ บีโอไอมีแนวทางที่จะปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ให้การส่งเสริมเกือบทุกกิจการมาเป็นส่งเสริมแบบมีเป้าหมายชัดเจน เน้น 10 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ 1. กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและลอจิสติกส์ 2. กลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐาน 3. กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ 4. กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและบริการด้านสิ่งแวดล้อม
5. กลุ่มธุรกิจบริการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม 6. กลุ่มเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน 7. อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปสินค้าเกษตร 8. อุตสาหกรรม Hospitality & Wellness 9. อุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์ และ 10. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามนโยบายใหม่นั้น จะเน้นการจูงใจหรือกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนา การรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม และลงทุนในลักษณะคลัสเตอร์อุตสาหกรรม โดยหากผู้ลงทุนมีการลงทุนเพิ่มเติมในกิจการเหล่านี้จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม ซึ่งจะทำให้สิทธิประโยชน์ที่ได้รับใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับสิทธิประโยชน์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
“ดังนั้น การปรับนโยบายครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นการลดสิทธิประโยชน์ แต่เป็นการปรับทิศทางการส่งเสริมให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก และการพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้มากยิ่งขึ้น” นายอุดมกล่าว
