ศูนย์ข่าวศรีราชา - นักท่องเที่ยวต่างชาติถึงตะลึง หลังพบเมือกตะกอนในขวดวิสกี้ชื่อดังของไทย ด้านเจ้าของร้านอาหารเขตนาจอมเทียน ผู้จำหน่ายวิสกี้ให้นักท่องเที่ยวเผยสั่งซื้อจากร้านค้าส่งในเขตตลาดบ้านอำเภอ ก่อนส่งวิสกี้เจ้าปัญหาทั้ง 4 ขวด ให้ศูนย์ ปคบ.ตรวจสอบ ตำรวจชี้หากพบเป็นของปลอมพร้อมดำเนินการตามกฎหมายกับร้านค้าส่งดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบขวดวิสกี้ ภายในร้านกุ้งซีฟูดไม่มีเลขที่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมหาดจอมเทียน ข้างโรงแรมแอมบาสเดอร์ เขตนาจอมเทียน จังหวัดชลบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากนายพิรุฬห์ นรงค์เริศฤทธิ์ อายุ 65 ปี ว่า พบเมือกตะกอนอยู่ภายในขวดวิสกี้ที่สั่งซื้อจากร้านค้าส่งแห่งหนึ่งในเขตบ้านอำเภอ จนเกรงว่าลูกค้าอาจได้รับอันตราย ซึ่งจากการตรวจสอบขวดวิสกี้ชื่อดังของไทยทั้ง 4 ขวด พบว่า ติดแสตมป์สุราพิเศษกระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต 38 ดีกรี ขนาด 0.350 ลิตร และภายในขวดมีเมือกตะกอนปะปนอยู่ในน้ำวิสกี้เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ นางสำเนียง จงสุวรรณ์ อายุ 41 ปี และนายภมรพันธ์ พานทอง อายุ 40 ปี เจ้าของร้านบอกว่า ได้ประกอบธุรกิจร้านอาหารกุ้งซีฟูดมาได้ประมาณ 5 เดือนแล้ว ซึ่งก่อนเกิดเหตุได้โทรศัพท์สั่งซื้อเครื่องดื่ม เหล้า น้ำ และเบียร์จากร้านค้าส่งแห่งหนึ่งในตลาดบ้านอำเภอ พร้อมกับวิสกี้ทั้ง 4 ขวด กระทั่งมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียซื้อไปดื่ม และได้เดินทางกลับมาต่อว่าอย่างเสียหายโดยบอกว่าขณะกำลังจะเปิดขวดพบมีเมือกตะกอนผสมอยู่ในน้ำวิสกี้เป็นจำนวนมาก
ในส่วนตัวแล้วรู้สึกเสียใจ เพราะที่ผ่านมาที่ร้านได้สั่งซื้อ และเชียร์นักท่องเที่ยวให้ดื่มวิสกี้ไทยเป็นประจำ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เบื้องต้นตนไม่คิดเอาผิดผู้ใด เพียงแต่สงสัยว่ามีสิ่งใดผสมอยู่ หรือเป็นวิสกี้ปลอมหรือไม่ จึงได้นำวิสกี้ทั้งหมดส่งให้ศูนย์ปฏิบัติการการหลอกหลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และผู้บริโภคเมืองพัทยา เพื่อตรวจสอบต่อไป
พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผู้บังคับการ และ พ.ต.อ.ธนัท แสงต้นชัย หัวหน้าพนักงานสอบสวนศูนย์ปฏิบัติการการหลอกหลวง เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และผู้บริโภคเมืองพัทยา ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนายพิรุฬห์ และได้ทำการสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐาน ก่อนส่งวิสกี้ทั้ง 4 ขวด ไปยังกรมสรรพสามิตเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบแสตมป์สุรา และให้เจ้าของบริษัทผู้ผลิตตรวจสอบการผลิต ซึ่งหากพบว่าเป็นวิสกี้ปลอมจะดำเนินคดีต่อร้านค้าส่งดังกล่าว ตามมาตตรา 47 พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป