นักวิชาการ ชี้ถึงเวลายกเครื่อง กม.การตลาดน้ำเมา

นักวิชาการ แนะรัฐยกเครื่องกฎหมายคุมการตลาดน้ำเมา หวังสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน หลังพบไทยเป็นตลาดเป้าหมายของบริษัทเหล้านอก ยอดนำเข้าพุ่ง

วันนี้ (23 ต.ค.) นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่มีการรายงานว่า ประเทศไทยเป็นตลาดอันดับสามของโลกของวิสกี้แบรนด์หรู จอห์นนี่วอล์คเกอร์ รองจากสหรัฐอเมริกา และ บราซิล นั้น ยืนยันให้เห็นว่า ตลาดสุรานำเข้าของโลกเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายของตลาดสุรานำเข้า สังเกตได้จากอัตราการเติบโตของตลาดที่สูงกว่า 10% ต่อปีอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยเป็นตลาดอันดับ 8 ของโลกสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าจากสหภาพยุโรป โดยสุราจากสหภาพยุโรปมีสัดส่วนประมาณ 3 ใน 4 ของสุรานำเข้าทั้งหมดในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปิดเสรีการค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้สุรานำเข้ามีราคาถูกลง มีสุรานำเข้าประเภทต่างๆ เข้ามามากขึ้น มีการลงทุนตั้งโรงงานง่ายขึ้น และมีการแข่งขันทำการตลาดที่รุนแรงขึ้นจะส่งผลให้ประชากรและเยาวชนดื่มมากขึ้น มีปริมาณการดื่มมากขึ้น สุดท้ายนำมาซึ่งปัญหาผลกระทบจากสุราที่มีแนวโน้มรุนแรง

ทั้งนี้ รัฐบาลควรพิจารณาไม่นำสินค้าทำลายสุขภาพ และสังคมอย่างสุรา บรรจุอยู่ในรายการสินค้าสำหรับการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ และช่องว่างในการควบคุมการส่งเสริมการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนยังคงตกเป็นเป้าหมายการตลาดอุตสาหกรรมสุราทั้งทางตรงและทางอ้อม

“มีผลการสำรวจ พบว่า นักดื่มเยาวชนไทยส่วนใหญ่มีความชื่นชอบโฆษณาของบริษัทสุราที่มักจะแสดงภาพลักษณ์ และกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า จะส่งผลถึงพฤติกรรมการดื่มที่มากขึ้น ดังนั้นถึงเวลาในการทบทวนยกเครื่องกฎหมายในการควบคุมการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้เยาวชนห่างจากภัยน้ำเมา ก่อนที่จะสายไปกว่านี้” นพ.ทักษพล กล่าว