ASTVผู้จัดการรายวัน – ดิอาจิโอฯ โหมบุกตลาดวิสกี้ซูเปอร์ ดีลักซ์ ทวีปเอเชียเต็มสูบ โฟกัส 8 ประเทศ ขานรับเศรษฐกิจบูม คนมีกำลังการซื้อสูง คลั่งกระแสสินค้าลักชัวรี่ อัดงบเพิ่ม 360% ผุดแคมเปญยิงยาว 6 เดือน “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์โวยาจเจอร์” ล่องเรือ ยอร์ช ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้เอเชียจาก 12% เป็น 20% ส่วนปี 56 ดันการเติบโต 100% ผงาดแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดซูเปอร์ดีลักซ์ในเอเชีย
นายแกรม ฮาร์โลว์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าสก็อตวิสกี้ตระกูลจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทให้ความสำคัญกับดำเนินการตลาดสก็อตวิสกี้ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลูเลเบิ้ล หรือวิสกี้เซกเมนต์ซูเปอร์ดีลักซ์ เชิงรุกมากขึ้นในทวีปเอเชีย เนื่องจากตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว ส่งผลให้กลุ่มประชากรหรือกลุ่มลูกค้าระดับบนขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของบลู เลเบิ้ล คือ มีกำลังการซื้อสูง
โดยพบว่า กลุ่มคนระดับบนในเอเชียขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าทวีปยุโรป จากการที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปิดรับสินค้าลักชัวรี่เพิ่มขึ้น สำหรับในประเทศไทยพบว่าตลาดสินค้าหรูมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 41% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ ขณะที่มูลค่าตลาดลักชัวรี่ทั่วโลก อาทิ กลุ่มรถยนต์ โรงแรม ฯลฯ มีมูลค่า 168 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ตลาดเหล้าในเอเชีย ถือว่าเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่าสูงถึง 7.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการเติบโต 6% มาต่อเนื่อง และถือว่าเป็นปีทองแห่งความสำเร็จของบริษัท โดยเฉพาะในประเทศอินเดียถือว่าเติบโตสูงถึง 24% และจีนโต 13% ช่วยผลักดันให้บริษัทเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และการรักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจสุรานำเข้าดี โดยรายได้เติบโต 8% ซึ่งเป็นการเติบโตมากกว่าตลาด ส่วนกำไรสุทธิโต 18% ซึ่งตลาดในเซาท์อีสเอเชีย ถือว่าเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่งที่สุด สร้างยอดขายมากกว่า 50% ในเอเชีย”
สำหรับเป้าหมายการทำตลาดในทวีปเอเชียในปี 2558 ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 12% เป็น 20% และต้องการผลักดันให้เหล้าเซกเมนต์ ซูเปอร์ ดีลักซ์ เติบโต เพิ่มจาก 38% เป็น 100% ในปี 2556 พร้อมทั้งการมุ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดซูเปอร์ดีลักซ์ในเอเชียรวมทั้งประเทศไทยด้วย สำหรับการรุกตลาดครั้งนี้บริษัทจะโฟกัสด้วยกัน 8 ประเทศ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย
สิงคโปร์ และอินเดีย ประเดิมการรุกตลาดด้วยการทุ่มงบเพิ่มขึ้น 360% จากปีที่ผ่านมา จัดงาน”จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ โวยาจเจอร์” โดยจะส่งเรือยอร์ชลำพิเศษ ออกเดินทางผ่าน 8 ประเทศ ผ่านเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของแบรนด์
“ภายในงานบริษัทจะเชิญแขกหรือกลุ่มคนระดับไฮเอนด์เข้าร่วมสัมผัสกับประสบการณ์ที่เป็นที่สุดในงานเฉลิมฉลอง ซึ่งเป็นแคมเปญต่อเนื่อง 6 เดือน โดยบริษัทจะเปิดตัววิสกี้ ระดับซูเปอร์ดีลักซ์ที่เบลนด์ขึ้นใหม่ภายใต้ชื่อ ”จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ โอดิสซี่” ซึ่งได้จัดงานไปแล้วที่ประเทศจีน ไต้หวัน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับในไทยจะจัดขึ้นวันที่ 14-17 ธันวาคม นี้ คาดว่าจะมีแขกร่วมงานกว่า 1,000 คน”
นายฮาร์โลว์ กล่าวว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่สำหรับวิสกี้นำเข้า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไทยสร้างยอดขายให้กับบริษัทเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากบราซิล และอเมริกาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีสัดส่วนรายได้ 10% จากรายได้ในทวีปเอเชียซึ่งมีสัดส่วน 12% อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดซูเปอร์ ดีลักซ์ ในไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยจากข้อมูลยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2011 พบว่าตลาดลักชัวรี่ วิสกี้ เพิ่มจากปี 2554 จาก 5,202 ล้านบาท เป็น 5,409 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปิดรับสินค้าลักชัวรี่มากขึ้น อาทิ ตลาดเครื่องประดับ โรงแรม รถยนต์ เครื่องสำอางและเพอร์ซันนัลแคร์ เป็นต้น
ทั้งนี้จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกเซกเมนต์ซูเปอร์ ดีลักซ์ ในประเทศไทย คาดว่าจะผลักดันให้จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล มียอดขายเติบโต 100% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด ด้วยการครองส่วนแบ่ง 81% หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 2% ของรายได้ของบริษัท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดผู้นำเข้าสุราโดยครองส่วนแบ่ง 60%
นายแกรม ฮาร์โลว์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าสก็อตวิสกี้ตระกูลจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทให้ความสำคัญกับดำเนินการตลาดสก็อตวิสกี้ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลูเลเบิ้ล หรือวิสกี้เซกเมนต์ซูเปอร์ดีลักซ์ เชิงรุกมากขึ้นในทวีปเอเชีย เนื่องจากตลาดเอเชียเป็นตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว ส่งผลให้กลุ่มประชากรหรือกลุ่มลูกค้าระดับบนขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของบลู เลเบิ้ล คือ มีกำลังการซื้อสูง
โดยพบว่า กลุ่มคนระดับบนในเอเชียขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าทวีปยุโรป จากการที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปิดรับสินค้าลักชัวรี่เพิ่มขึ้น สำหรับในประเทศไทยพบว่าตลาดสินค้าหรูมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 41% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ ขณะที่มูลค่าตลาดลักชัวรี่ทั่วโลก อาทิ กลุ่มรถยนต์ โรงแรม ฯลฯ มีมูลค่า 168 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ตลาดเหล้าในเอเชีย ถือว่าเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่าสูงถึง 7.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการเติบโต 6% มาต่อเนื่อง และถือว่าเป็นปีทองแห่งความสำเร็จของบริษัท โดยเฉพาะในประเทศอินเดียถือว่าเติบโตสูงถึง 24% และจีนโต 13% ช่วยผลักดันให้บริษัทเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และการรักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจสุรานำเข้าดี โดยรายได้เติบโต 8% ซึ่งเป็นการเติบโตมากกว่าตลาด ส่วนกำไรสุทธิโต 18% ซึ่งตลาดในเซาท์อีสเอเชีย ถือว่าเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่งที่สุด สร้างยอดขายมากกว่า 50% ในเอเชีย”
สำหรับเป้าหมายการทำตลาดในทวีปเอเชียในปี 2558 ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 12% เป็น 20% และต้องการผลักดันให้เหล้าเซกเมนต์ ซูเปอร์ ดีลักซ์ เติบโต เพิ่มจาก 38% เป็น 100% ในปี 2556 พร้อมทั้งการมุ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดซูเปอร์ดีลักซ์ในเอเชียรวมทั้งประเทศไทยด้วย สำหรับการรุกตลาดครั้งนี้บริษัทจะโฟกัสด้วยกัน 8 ประเทศ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย
สิงคโปร์ และอินเดีย ประเดิมการรุกตลาดด้วยการทุ่มงบเพิ่มขึ้น 360% จากปีที่ผ่านมา จัดงาน”จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ โวยาจเจอร์” โดยจะส่งเรือยอร์ชลำพิเศษ ออกเดินทางผ่าน 8 ประเทศ ผ่านเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของแบรนด์
“ภายในงานบริษัทจะเชิญแขกหรือกลุ่มคนระดับไฮเอนด์เข้าร่วมสัมผัสกับประสบการณ์ที่เป็นที่สุดในงานเฉลิมฉลอง ซึ่งเป็นแคมเปญต่อเนื่อง 6 เดือน โดยบริษัทจะเปิดตัววิสกี้ ระดับซูเปอร์ดีลักซ์ที่เบลนด์ขึ้นใหม่ภายใต้ชื่อ ”จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ โอดิสซี่” ซึ่งได้จัดงานไปแล้วที่ประเทศจีน ไต้หวัน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับในไทยจะจัดขึ้นวันที่ 14-17 ธันวาคม นี้ คาดว่าจะมีแขกร่วมงานกว่า 1,000 คน”
นายฮาร์โลว์ กล่าวว่า ประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่สำหรับวิสกี้นำเข้า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไทยสร้างยอดขายให้กับบริษัทเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากบราซิล และอเมริกาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีสัดส่วนรายได้ 10% จากรายได้ในทวีปเอเชียซึ่งมีสัดส่วน 12% อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดซูเปอร์ ดีลักซ์ ในไทยยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยจากข้อมูลยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2011 พบว่าตลาดลักชัวรี่ วิสกี้ เพิ่มจากปี 2554 จาก 5,202 ล้านบาท เป็น 5,409 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปิดรับสินค้าลักชัวรี่มากขึ้น อาทิ ตลาดเครื่องประดับ โรงแรม รถยนต์ เครื่องสำอางและเพอร์ซันนัลแคร์ เป็นต้น
ทั้งนี้จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกเซกเมนต์ซูเปอร์ ดีลักซ์ ในประเทศไทย คาดว่าจะผลักดันให้จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล มียอดขายเติบโต 100% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด ด้วยการครองส่วนแบ่ง 81% หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 2% ของรายได้ของบริษัท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดผู้นำเข้าสุราโดยครองส่วนแบ่ง 60%