xs
xsm
sm
md
lg

ปูดทุนยักษ์เตรียมผุดท่าเรือขนถ่ายกลางลำน้ำบางปะกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา - ปูดกลุ่มทุนยักษ์ใต้เงานักการเมืองกว้านซื้อที่ดินเมืองแปดริ้วกว่า 1.5 พันไร่ เตรียมผุดเป็นท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้ากลางลำน้ำบางปะกงพร้อมโกดังจัดเก็บ สนองนโยบายจำนำสินค้าจากภาคเกษตรของรัฐบาลประชานิยม ขณะชาวบ้านหวั่นผลกระทบ เตรียมก่อหวอดต้าน

วันนี้ (28 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก จ.ส.อ.นายศักดา ทองประสิทธิ์ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/40 ถ.ศรีโสธรตัดใหม่ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เครือข่ายองค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำภาค 6 ว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินเลียบริมลำน้ำบางปะกง ในเขตพื้นที่ ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา แบบยกหมดทั้งหมู่บ้านไปแล้วจำนวน 1 หมู่บ้าน รวมพื้นที่กว่า 500 ไร่ และยังคงเดินหน้ามุ่งที่จะซื้อที่ดินเพื่อขยายโครงการต่อไปอีกหลายหมู่บ้านจนกว่าจะครบ 1,500 ไร่ เพื่อเตรียมการที่จะก่อสร้างเป็นท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้ากลางลำน้ำบางปะกงขนาดใหญ่เลียบตลอดลำน้ำ ยาวประมาณ 1,200 เมตร จำนวน 6 ท่า เพื่อใช้ในการขนถ่ายสินค้าจากภาคเกษตรกรรม ทั้งข้าว และแป้งมันสำปะหลัง

รวมทั้งยังจะใช้เป็นสถานที่สำหรับรองรับการจัดเก็บสินค้าจากโครงการรับจำนำ หรือโครงการสำคัญต่างๆ ตามแนวนโยบายการทำประชานิยมของภาครัฐ ด้วยการใช้พื้นที่ส่วนที่เหลือจากการก่อสร้างท่าเทียบเรือจัดสร้างเป็นโกดังจัดเก็บสินค้าขนาดใหญ่ มีตัวอาคารโรงงานและโกดังจัดเก็บขนาด 300 ไร่ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำการขนถ่ายลงเรือโยงลากจูง นำไปขึ้นยังเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ลอยลำอยู่กลางทะเลที่บริเวณด้านเกาะสีชัง จ.ชลบุรี

ซึ่งท่าเทียบเรือดังกล่าวอยู่ลึกเข้ามาจากปากอ่าวไทยในลำน้ำบางปะกงประมาณ 37 กม. ดำเนินการโดยบริษัทเดินเรือลากจูง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรับขนส่งสินค้าทางน้ำจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีสำนักงานบริษัทตั้งอยู่ในเขต จ.ชลบุรี (บริษัท อีสเทิร์น ทีพีเค แค็ปปิตอล จำกัด) โดยจุดก่อตั้งดังกล่าวนั้นอยู่ใกล้กับถนนสาย 3122 ซึ่งเป็นเส้นทางลัดสายรองที่เชื่อมระหว่างถนนสาย 331 กับถนนสาย 314 ในการที่จะทำการขนถ่ายสินค้าจากกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกและมาจากภาคอีสานได้โดยสะดวก แต่ขนาดถนนเดิมนั้นเล็กและสัญจรได้เพียงด้านละ 1 ช่องทางแบบสวนกันไปมา จึงอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชาวบ้านที่ใช้เส้นทางหากมีรถบรรทุกจำนวนมากเข้ามาแย่งใช้เส้นทางร่วม

นอกจากนี้ยัอาจส่งผลทำให้พื้นผิวการจราจรชำรุดเสียหาย เนื่องจากผิวถนนเดิมถูกออกแบบให้สามารถรับน้ำหนักได้ไม่มาก และหากมีเรือลากจูงขนาดใหญ่เข้ามาใช้ลำน้ำยังจะก่อให้เกิดปัญหาผลกระทบต่างๆ ตามมาอีกมากมายต่อลำน้ำ เช่น การกัดเซาะของตลิ่งริมลำน้ำจนอาจเกิดการพังทลาย ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารเสียหาย ป่าชายเลนและแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศถูกทำลายเกิดปัญหาจากประชากรแฝงเพิ่มมากขึ้น ทั้งปัญหาชุมชนมลพิษ วิถีชุมชนเปลี่ยน การจราจรติดขัด อาชีพเกษตรและประมงจะหดหายไป

รวมถึงหากเกิดอุบัติเหตุเรือล่มขวางกลางลำน้ำก็จะยิ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดมลพิษเช่นเดียวกับเรือบรรทุกน้ำตาลที่ล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาและกระทบไปไกลยังอีกหลายจังหวัด ทั้ง ปราจีนบุรี นครนายก เนื่องจากแม่น้ำบางปะกงนั้นไหลขึ้นลงค่อนข้างเร็ว และมีกระแสใต้ผิวน้ำแรงขึ้นสูงไปไกลจนถึงปราจีนบุรี ขณะเดียวกัน โครงการดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วมากจนชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่รอบข้างยังไม่ทราบว่าจะมีโครงการนี้เกิดขึ้นมาก่อนล่วงหน้า

สำหรับความสำคัญต่อการอนุรักษ์ลำน้ำบางปะกงนั้นเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระบบน้ำกร่อยระดับชาติตามมติ ครม. และเป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมในร่างกฎกระทรวงและผังเมืองรวมของจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยที่โครงการดังกล่าวขัดกับร่างกฎกระทรวง และผังเมืองรวม และใช้วิธีการสร้างท่าเรือขนาด 995 ตารางเมตร จำนวน 4 ท่า และท่าเรือขนาด 885 ตารางเมตร จำนวน 2 ท่า เพื่อหลีกเลี่ยงการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง ตามที่กฎหมายกำหนดให้ท่าเรือขนาดตั้งแต่ 1 พัน ตร.ม.ขึ้นไปต้องจัดทำ ทั้งที่ขนาดหน้ากว้างริมลำน้ำของโครงการมีความยาวถึง 1.2 กม.

"ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมายังไม่มีการประชุมชี้แจง ทำประชาคมสอบถามความคิดเห็นใดๆ จากทุกภาคส่วนในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานในภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังได้เอื้ออำนวยความสะดวกรีบออกใบอนุญาต โดยที่ไม่มีมติความเห็นชอบ หรือการรับรองรายงานผลการประชุม จึงอยากให้มีการระงับโครงการนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการศึกษาเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน และมีการอนุญาตที่ผ่านกระบวนการที่ถูกต้องโปร่งใส ซึ่งชาวบ้านจะได้ส่งเรื่องนี้เข้าไปยังวุฒิสภา และองค์กรอิสละต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดูในเรื่องนี้ด้วยจนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจน รวมทั้งเงื่อนไขหรือวิธีการแก้ปัญหาหากโครงการดังกล่าวนี้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่" จ.ส.อ.ศักดากล่าว

ขณะที่ นายสมภพ วงษ์พยัคฆ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.2 ต.บางกรูด อ.บ้านโพธิ์ กำนันตำบลข้างเคียงซึ่งมีพื้นที่ติดกัน กล่าวว่า โครงการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วมากแค่เพียง 27 วัน จนชาวบ้านในพื้นที่ตั้งตัวแทบไม่ทัน โดยส่วนใหญ่นั้นเพิ่งมาทราบโครงการได้ไม่นาน จึงอยากจะขอโอกาสให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ก่อนที่จะมีการตัดสินใจว่าจะยอมรับท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้านี้ได้หรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น