แฉทุนนิคมอุตฯ ยักษ์ ฮุบชุมชนหายทั้งหมู่บ้าน

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านแฉทุนนิคมอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ตะวันออก ขยายตัวเติบโตคับพื้นที่ ก่อนกลืนกินหมู่บ้านหายเกือบทั้งตำบล หลังได้รับอานิสงส์น้ำท่วมภาคกลางเมื่อปีก่อน เผยวิถีชาวบ้านถูกแปรสภาพจากเจ้าของที่ดินเป็นเพียงผู้เช่า ขณะพื้นที่เกษตรถูกปรับเปลี่ยนจากท้องนา บ่อปลา เตรียมถูกแปรสภาพให้เป็นที่ตั้งโรงงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านในเขตพื้นที่ ต.บางผึ้ง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ตามแนวตะเข็บรอยต่อกับพื้นที่ ต.บางหัก ต.บางนาง อ.พานทอง และ ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้ถูกนายทุนผู้ก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ระดับแถวหน้าของประเทศ (อมตะนคร) กว้านซื้อแบบฮุบกินรวบพื้นที่ กลืนหมู่บ้านหายไปเกือบทั้งหมดหลายหมู่บ้านแล้ว

นายสมศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ม.7 ต.บางผึ้ง กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดได้ถูกกลุ่มทุนจากนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ดังกล่าวเข้ามากว้านซื้อแบบตีโอบล้อมพื้นที่ ด้วยวิธีการซื้อผ่านทางนักการเมืองถิ่นซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ พร้อมกับมีวิธีการมัดใจให้อยู่ติดแบบเหนียวแน่น ด้วยการให้บรรดานักการเมืองนายหน้าเหล่านั้นเป็นผู้ร่วมทุน หรือเป็นผู้มีส่วนถือหุ้นอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้

ซึ่งที่ผ่านมา ผู้เป็นเจ้าของนิคมฯ ที่ตนเคยเห็นนั้นยังคงอยู่ในวัยหนุ่มๆ อยู่นั้น ได้มายืนชี้แนวเขตพื้นที่กับนักการเมืองนายหน้าในพื้นที่ว่าต้องการจะเอาตรงไหน จุดใดบ้าง และเขาก็กว้านซื้อเอาไว้ได้ทั้งหมดตามที่เขาต้องการจริงๆ ในบริเวณพื้นที่ ม.7 ม.2 ม.5 เกือบหมดเกลี้ยงหมู่บ้าน และ ม.4 อีกกว่าครึ่งหมู่บ้าน

ขณะที่ นายเหย บุญเกิด อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 ม.7 ต.บางผึ้ง กล่าวว่า ตนได้อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มานานกว่า 50 ปี แล้ว ปัจจุบัน ชาวบ้านในบริเวณนี้ไม่มีใครมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง รวมทั้งที่อยู่พักอาศัยด้วย ล้วนเป็นของนายทุนไปหมดแล้ว เพราะถูกกว้านซื้อไปแล้วก่อนหน้าจนหมดเกลี้ยงทั้งหมู่บ้าน ที่เหลือมองเห็นบางส่วนยังเป็นหมู่บ้านอยู่นั้น ก็เพราะเขายังให้เช่าอยู่ เพื่อรอเวลาจนกว่าทางนิคมฯ จะขยายตัวออกมา หรือมีนักลงทุนมาซื้อพื้นที่ตั้งโรงงาน เขาจึงจะไล่ให้เราออกไปจากพื้นที่

โดยขณะนี้ ชาวบ้านต้องเช่าพื้นที่ทำกินจากนายทุนในอัตราค่าเช่าในพื้นที่เป็นบ่อปลาไร่ละ 1 พันบาทต่อปี ขณะที่พื้นที่แห่งนี้เมื่อก่อนนั้นเคยเป็นพื้นที่ทำนาข้าว แต่ต่อมา ชาวบ้านทำนาข้าวกันแล้วไม่ได้ผลผลิตอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ข้าวเกิดโรคจนพากันขาดทุน เพราะน้ำที่นี่เค็มชาวบ้านจึงต้องขายที่ดินทิ้งให้นายทุน