ศูนย์ข่าวศรีราชา - อดีตผู้ใหญ่บ้าน และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ต.ตะพง อ.เมืองระยอง พร้อมชาวบ้านรวมตัวคัดค้านการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ป่าสงวนหลายจุดของ สนง.ปฏิรูปที่ดินจังหวัดระยอง หวั่นเปิดทางนายทุนเข้าครอบครองแหล่งต้นน้ำทางการเกษตรของชาวระยอง
นายวินัย บรรเลงพิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านบ่อหิน ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง พร้อมนายสำเริง หอมสุวรรณ และนายสุชาติ เขตรสกล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นายประสงค์ สุวรรณราย อดีตผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านได้นำสื่อมวลชลลงสำรวจพื้นที่หมู่ 14 ตำบลตะพง
หลังสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดระยอง มีมติในที่ประชุมเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา อนุญาตให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ตำบลหนองบัว และตำบลชากบก ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอบ้านค่าย รวมทั้งพื้นที่ตำบลกะเฉด ตำบลตะพง ตำบลนาตาขวัญ ตำบลสำนักทอง ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองระยอง และตำบลสองสลึง ตำบลกระแสบน อำเภอแกลง ตำบลเขาน้อย ตำบลชำฆ้อ และตำบลห้วยทับมอญ อำเภอเขาชะเมา รวมจำนวน 132 แปลง เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 1,224 ไร่เศษ ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านนา-ป่าทุ่งควายกิน และป่ากะเฉด-เพ-แกลง
นายประสงค์ สุวรรณราย สมาชิกชมรมรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำบลตะพง อดีต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านบ่อหิน ตำบลตะพง กล่าวว่า ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ได้ทำการคัดค้านการออกเอกสารสิทธิ หรือ ส.ป.ก.ในพื้นที่หมู่ 14 เขายายดามาโดยตลอด เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และยังเป็นแหล่งต้นน้ำหล่อเลี้ยงชาวสวนผลไม้ในจังหวัดระยอง
ที่ผ่านมา ชาวบ้านยังได้ร่วมกับบริษัท เอส ซี จี จำกัด จัดสร้างฝายชะลอน้ำบนเขายายดา จนทำให้เขายายดามีป่าไม้เขียวชอุ่ม และมีน้ำตกไหลตลอดเวลา สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ตำบลตะพงจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแม้ก่อนหน้านี้จะมีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่ก็ถูกคัดค้านจากชาวบ้านมาโดยตลอด และยังจะคงเดินหน้าคัดค้านต่อไป
เช่นเดียวกับนายวินัย บรรเลงพิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 (คนใหม่) ที่กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาผู้คัดค้านในการออกเอกสารสิทธิ หรือ ส.ป.ก.ในพื้นที่หมู่ 14 หลายคนจะถูกผู้มีอิทธิพลกดดัน และข่มขู่จนเป็นเหตุให้ผู้ใหญ่บ้านคนก่อนต้องลาออกจากตำแหน่ง
ขณะที่ตนก็ถูกนักเลงซึ่งเป็นลูกน้องของนายทุนยิงปืนขู่ แต่ก็ยังยืนยันที่จะคัดค้านต่อไป เพราะไม่เห็นด้วยที่จะนำพื้นที่ลาดชัน และยังเป็นแหล่งต้นน้ำของชาวบ้านไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
“ขณะนี้นายทุนรายเดิม ได้เริ่มเข้าไปกว้านซื้อที่ดินป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่หมู่ 15 ตำบลตะพงในเนื้อที่หลายสิบไร่เพื่อปลูกเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งเราได้สืบทราบว่าที่ดินบนเขาแปลงนี้มีหลักฐานการออกโฉนดถูกต้อง แต่ในส่วนของชาวบ้านซึ่งมีที่ดินทำกินอยู่ด้านล่างกลับไม่สามารถออกโฉนดได้ เรื่องนี้สร้างความข้องใจให้อก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก หลังจากนี้ก็พร้อมที่จะเข้าไปตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามความเป็นจริงต่อไป” นายวินัยกล่าว