เชียงราย - แก๊งรุกป่าเชียงรายสุดแสบ รุกตัดไม้ใหญ่อายุกว่า 50 ปี เขตป่าเศรษฐกิจจนเตียนโล่ง กว่า 100 ไร่ แถมเลื่อยไม้เป็นท่อนซุงรอขนออก พร้อมปรับพื้นที่เตรียมปลูกพืชอื่นแทน
วันนี้ (19 ต.ค. 55) นายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) พร้อมด้วยนายสุบิล ปุกคำ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชร.23 (พญาเม็งราย) ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโซนซี ป่าขุนห้วยงิ้ว ป่าเชียงเคี่ยน และป่าขุนห้วยโป่ง อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย หลังจากทางหน่วย ย้ายไปประจำอยู่ในพื้นที่ประมาณ 3 วัน และพื้นที่ถูกปล่อยจากการดูแลของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ช่วงเปลี่ยนถ่ายหน้าที่มานานประมาณ 2 เดือน
ผลการตรวจสอบพบป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก โดยสามารถรวบรวมได้จำนวน 9 แปลงๆ ละตั้งแต่ 3-34 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 106 ไร่ 1 งาน 61 ตารางวา
ป่าส่วนใหญ่ที่ถูกบุกรุก อยู่บนเนินเขาเล็กๆ ปะปนไปกับพื้นที่ ส.ป.ก.4-01 แต่มีสภาพเป็นป่าเต็งรังอุดมสมบูรณ์มีไม้เต็ง รัง พลวง ฯลฯ ที่ขึ้นตามธรรมชาติ แต่ละต้นอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปีถูกตัด และโค่นลงมาเลื่อยเป็นท่อนซุง รวมทั้งมีทำแนวกั้นรั้ว และร่องรอยการชักลากไม้ออกจากพื้นที่
นอกจากนี้ พื้นป่าที่ตัดไม้แล้วยังมีการนำรถแทรกเตอร์ไปปรับพื้นที่เพื่อเตรียมเพาะปลูกพืชชนิดอื่นโดยเฉพาะยางพารา จนแทบไม่เหลือเค้าความเป็นป่า ต้นไม้ใหญ่หลายต้นถูกพ่นด้วยสีแดงเป็นสัญลักษณ์ในการเลื่อยตัดต้นต่อไป และหลายต้นถูกถากรอบต้นเพื่อเตรียมล้มอีกด้วย
แต่จากการตรวจสอบพบว่า ผู้บุกรุกได้หลบหนีออกไปพร้อมเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ หมดแล้ว ทิ้งไว้เพียงท่อนซุงที่เหลืออยู่ประมาณ 100 ท่อน ส่วนใหญ่เป็นไม้พลวง เจ้าหน้าที่จึงชักลากไปเก็บเป็นหลักฐานเอาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชร.23 (พญาเม็งราย) และตรวจสอบหลักฐานของพื้นที่โดยรอบ พร้อมวางกำลังป้องกันการบุกรุกต่อไป
นายทนงศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ป่าดังกล่าวพบว่าเป็นป่าสงวนโซนซี ซึ่งมีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ แต่ปรากฏว่าช่วงที่มีการสับเปลี่ยนกำลังชุดเดิมย้ายออกไปหมด ชุดใหม่ยังไม่ได้ถูกส่งเข้าไปประจำการ ก็มีการเข้าไปตัดไม้-ถางป่าอย่างหนัก
สาเหตุที่ทำได้ง่ายเพราะพื้นที่เป็นป่าโซนซี หรือโซนเศรษฐกิจ ที่เป็นเนินเขาลูกเตี้ยๆ สามารถเข้าออกได้ง่าย รวมทั้งรายล้อมไปด้วยพื้นที่ ส.ป.ก.4-01 ซึ่งออกตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2537 และมีการปลูกยางพาราล้อมรอบ ดังนั้น จึงเสี่ยงต่อการถูกบุกรุกเข้าไปและถ้าปล่อยทิ้งไว้จะถูกบุกรุกจนไม่เหลือแน่นอน
นายทนงศักดิ์กล่าวอีกว่า หลังจากตรวจยึดคืนพื้นที่ครั้งนี้แล้วจะได้ประสานกับสำนักงาน ส.ป.ก.ขอข้อมูลรายชื่อบุคคลที่ทำกินตามเขต ส.ป.ก.รายรอบนำมาประกอบกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ยื่นต่อพนักงานสอบสวนที่มีนายอำเภอ เป็นประธานตามคดีทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้บุกรุกมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะสืบหาตัวได้ไม่ยากเพราะผู้ที่ทำกินใกล้เคียงย่อมจะทราบอย่างแน่นอน จากนั้นจึงค่อยหาวิธีการในการฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่ที่ถูกทำลายต่อไป
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียใจมากเพราะกว่าต้นไม่จะโตได้ขนาดนี้ก็ถูกตัดและปรับหน้าดินจนไม่เหลือเค้าความเป็นป่า จึงต้องเข้มงวดกันต่อไป นอกจากนี้ หลังตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าวแล้วจะตรวจสอบพื้นที่ ต.ตาดควัน และบ้านเหล่า ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันเนื่องจากพบมีการบุกรุกเช่นกันต่อไป