ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวบ้านไม่มั่นใจรัฐบาลยุติพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 จริง หลังรัฐมนตรีแห่ลงพื้นที่ดูการเชื่อมโยงระบบคมนาคม จี้ “ยิ่งลักษณ์” เร่งรัดประกาศใช้ผังเมืองรวม 3 จว.ภาคตะวันออก ลั่นหากยังดื้อดันโครงการต่อเจอต้านแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
วันนี้ (28 ม.ค.) นายรังสรรค์ สมบูรณ์ ชาวประมงบางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่มั่นใจในรัฐบาลชุดนี้ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ที่เคยยืนยันว่าจะระงับการการขยายโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 พร้อมทั้งพูดคุยออกสื่อว่าจะพยายามหาพื้นที่ใหม่ ซึ่งชาวบ้านไม่มีความมั่นใจ เนื่องจากที่ผ่านมา กทท.มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา รวมทั้งการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการทั้ง 2 คน ที่มาตรวจราชการที่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคด้านการคมนาคม ทั้งทางรถไฟ ท่าเรือ การขนส่งทางบก ที่ต้องมีโครงข่ายเชื่อมโยงที่สมบูรณ์แบบเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในภูมิภาค
“พวกเราได้รับการบอกกล่าวจากท่าเรือแหลมฉบังให้ตัวแทนชาวบ้าน 5 คนมาร่วมให้การต้อนรับ เพราะในกำหนดการนอกจากจะมีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า พร้อมกับแลกเปลี่ยนปัญหาเพื่อจะได้หาทางแก้ไขแล้ว ยังมีเรื่องของแผนการก่อสร้างเฟส 3 ที่ยังมีปัญหาเรื่องชุมชนในพื้นที่ โดยมอบหมายให้ นายประเสริฐ จันทร์รวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแล กทท.ไปแก้ไขปัญหา แต่ถึงเวลาจริงๆ กลับเปลี่ยนกำหนดการทั้งหมด โดยให้ชาวบ้านรอข้างนอก ขณะที่รัฐมนตรีหารือกันอีกห้องหนึ่ง จากนั้นจึงเรียกพวกเราเข้าไปรับฟังไม่ถึง 10 นาทีก็ยุติการประชุม ไม่ให้ชาวบ้านพูดถึงปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น”
นายรังสรรค์กล่าวว่า หลังจากเลิกประชุมแล้ว ตัวแทนชาวบ้านได้เข้าพบนายประเสริฐเพื่อชี้แจงความเดือดร้อนจากโครงการ รวมทั้งขอให้ยุติการพัฒนาเฟส 3 โดยสิ้นเชิง แต่ได้รับคำตอบจากนายประเสริฐเพียงว่า “จะรับเรื่องไปดูให้นะ แล้วมาคุยกัน” ซึ่งพวกเราขอยืนยันว่า หากทางรัฐบาลและ กทท.ไม่โปร่งใส ดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็พร้อมที่จะต่อสู้และคัดค้านการขยายท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะหากไม่ลุกขึ้นสู้ ชาวประมงพื้นบ้านบางละมุงและแหลมฉบังก็จะไม่มีที่อยู่ และที่ทำมาหากิน
“ที่ผ่านมาผลกระทบจากเฟส 1-2 รุนแรงมาก ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมบนบกและในทะเล แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไข ชายฝังถูกทำลาย ชาวประมงต้องช่วยกันฟื้นฟูจนปัจจุบันเกือบจะสมบูรณ์แล้ว กทท.ก็จะมาทำลายอีก พวกเราทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
นายรังสรรค์กล่าวว่า ปัจจุบันมีการกว้านซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมหลายจุดในจ.ชลบุรี ซึ่งเรื่องนี้จริงๆ แล้วต้องประกาศผังเมืองรวมแล้วประชาชนจะได้รับรู้ แต่ปัจจุบันยังไม่มี โดยที่ผ่านมาตัวแทนภาคีเครือข่ายประชาชน จ.ปราจีนบุรี สระแก้ว และชลบุรี ได้ทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งรัดบังคับใช้ผังเมืองรวมปราจีนบุรี สระแก้ว และชลบุรี เพราะจากความล่าช้าของการประกาศใช้ผังเมืองรวมได้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างมาก เช่น การกว้านซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเขตเกษตรกรรมและเขตชุมชนตามแบบผังเมืองใหม่ที่ยังไม่ได้ประกาศใช้ ทั้งนี้เพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิของประชาชน หากยังยืดเยื้อต่อไปอีกประชาชนทั้งภาคตะวันออกจะร่วมกันเคลื่อนไหวแน่นอน