xs
xsm
sm
md
lg

ไอ้โหดลวงฆ่าปาดคอแม่ม่ายดับสยองกลางไร่อ้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ไอ้โหด!! ใช้อุบายลวงแม่ม่ายวัย 37 ปีไปเอาเงิน 3 พันบาท ก่อนลงมือฆ่าปาดคออย่างโหดเหี้ยมดับสยองกลางไร่อ้อย เชิดรถ จยย.หนีลอยนวล

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (25 ม.ค.) ร.ต.ท.กิตติพันธุ์ โป่งคำ พนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุพบศพเป็นหญิงสาวนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักคนงานกลางไร่อ้อย พื้นที่หมู่ 9 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนา ประสมทรัพย์ ผู้กำกับการตำรวจภูธร (ผกก.) สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.นาวา ปูดำ หัวหน้าพนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.บุญส่ง พิพัฒน์ทวีกุล สารวัตรป้องกันและปราบปราม (สวป.) สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.ชัยยุทธ โพสี สารวัตรป้องกันและปราบปราม (สวป.) สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.เวช พิสูตร์ รอง ผู้กำกับป้องกันและปราบปราม (รอง ผกก.ป.) สภ.สำรอง ช่วยราชการกองกำกับการตำรวจสืบสวน (กก.สส.) ภ.จ.กาญจนบุรี พ.ต.ต.กาจภณ ปฐมัง สารวัตรสืบสวนตำรวจภูธร (สว.กก.สส.) ภ.จ.กาญจนบุรี ร่วมตรวจสอบหาหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดี มีมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ พร้อมแพทย์เวร รพ.พหลฯ ชันสูตรพิสูจน์พลิกศพ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักคนงานตัดอ้อยชั้นเดียวรวม 10 ห้อง พบศพหญิงสาวนอนคว่ำเสียชีวิตอยู่ภายในห้องที่ 8 ลักษณะการแต่งกาย สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นลายขาว มีเสื้อยีนส์แขนยาวเปื้อนเลือดวางอยู่ที่ลำตัว จากการชันสูตรพลิกศพ พบบริเวณลำคอถูกเชือดด้วยของมีคมจนลูกกระเดือกขาด ศีรษะถูกทุบด้วยของแข็งจนกะโหลกแตก ทราบชื่อต่อมา คือ นางกิ่งกาญจน์ โพธิ์ชื่น อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 3 ต.เอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง คนตายมีอาชีพขายข้าวแกงอยู่ที่เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี

น.ส.ธนาพร นาคสิทธ์ อายุ 18 ปี หลานสะใภ้คนตายให้การว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้ชวนตนมายังจุดเกิดเหตุ โดยบอกว่านายต๋อง ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล ให้มาเอาเงิน 3,000 บาท เนื่องจากสงสารผู้ตายที่เป็นม่าย และต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คน ด้วยความเป็นห่วงตนจึงมาเป็นเพื่อน โดยขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดงดำ จำหมวดอักษรไม่ได้ 847 กาญจนบุรีสภาพใหม่

เมื่อถึงระหว่างทางกลางไร่อ้อย พบนายต๋อง ยืนรออยู่ใกล้กับสระน้ำ จากนั้นนายต๋อง บอกว่า เงินอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง โดยให้ตนลงจากรถแล้วให้ตนนั่งรออยู่ที่สระน้ำ จากนั้น นายต๋องกับผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อพาไปเอาเงิน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นที่ใด เนื่องจากไม่เคยมา โดยตนนั่งรออยู่นานหลายชั่วโมงผู้ตายและนายต๋อง ก็ยังไม่กลับ

จนกระทั่งเวลา 18.00 น. พบเพียงนายต๋อง ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับมาเพียงคนเดียว จากนั้นได้ร้องตะโกนบอกให้ตนหนีเข้าไปหลบในดงอ้อย เนื่องจากด้านในเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมพื้นที่เอาไว้ เพื่อจับกุมขบวนการค้ายาบ้า ซึ่งอาจจะทำให้ตนถูกกระสุนลูกหลง พร้อมกับให้ตนปิดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งตนก็หลงเชื่อจึงได้ทำตามที่นายต๋องสั่ง ด้วยการหลบเข้าไปอยู่ในดงอ้อย ส่วนนายต๋อง ได้จูงรถจักรยานยนต์ไปตามเส้นทาง

จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงที่ตนหลบอยู่ก็ไม่เห็นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ตนจึงเดินออกมาจากดงอ้อย พร้อมตะโกนเรียกชื่อ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จากนั้นจึงเปิดโทรศัพท์ และโทร.หาผู้ตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ติด จึงตัดสินใจเดินเท้ามาที่ถนนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อขอความช่วยเหลือ จนในที่สุดก็กลับมาถึงร้านขายข้างแกง และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แก่ทุกคนฟังถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้านนายจิรพงศ์ สุเมธี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 303/19 ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผู้ตายเป็นน้องสาวของภรรยา ซึ่งมาช่วยกันขายข้าวแกงที่ร้าน ก่อนเกิดเหตุตนได้ให้ผู้ตายไปซื้อผักในตลาด แต่ผู้ตายไม่ได้ไปตามที่บอก โดยหลังจากทราบเรื่องจากลูกสะใภ้ จึงตัดสินใจมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า จากนั้นได้ร่วมเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งก็พบว่า น้องสาวของภรรยาถูกฆ่าเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักคนงานแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.วัฒนา ประสมทรัพย์ ผกก.สภ.ลาดหญ้า กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ ตนได้รายงานให้ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว จากนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่เพื่อร่วมหาพยาน และหลักฐานในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งเบื้องต้นทราบแล้วว่าลักษณะสัณฐานของผู้ก่อเหตุเป็นอย่างไร ส่วนชื่อและนามสกุล เจ้าหน้าที่ขอปิดไว้เป็นความลับ เพื่อสะดวกในการติดตามจับกุมตัว เชื่อว่าไม่นานจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน

ส่วน พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวแสดงว่าคนร้ายได้วางแผนมาเป็นอย่างดี อีกทั้งเชื่อว่าคนร้ายกับผู้เสียชีวิตต้องรู้จักกันมาก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดกาญจนบุรี ออกหาข่าว และสอบพยานเพิ่มเติม โดยเฉพาะเจ้าของร้านขายข้าวแกง และพนักงานที่อยู่ในร้านเชื่อว่าทุกคนอาจจะรู้จักตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ และจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่คาดว่า ผู้ตายกับคนร้ายน่าจะมีความสนิทสนมกัน หากไม่รู้จักก็คงไม่เดินทางไปหาเพื่อไปเอาเงินจำนวน 3 พันบาทตามที่นัดไว้ ส่วนเป้าหมายในการก่อเหตุครั้งนี้ก็เพื่อชิงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่ไปหา แต่อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รีบติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น