ประจวบคีรีขันธ์ - เศรษฐีนีเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ตำบลปากน้ำปราณ ถูกโจรฆ่าปาดคอตายอย่างโหดเหี้ยมกลางร้านเสื้อผ้าใจกลางตลาดปากน้ำปราณ คาดว่าน่าจะเป็นวัยรุ่นติดยา หรือแรงงานต่างด้าว
วันนี้ (18 ม.ค.) ร.ต.ต.วีระศักดิ์ บัณฑิต ร้อยเวร สภ.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเหตุฆาตกรรมที่ร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่ กลางตลาดปากน้ำปราณ หมู่ที่ 2 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังไชย ผกก.สภ.ปากน้ำปราณ พร้อม พ.ต.ท.สนั่น ศิริมงคล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำปราณ ทราบ และรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ โรงพยาบาลปราณบุรี
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหัวมุมถนนท้ายซอยผาสุกวนิช 9 ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ ขนาด 2 ชั้น เลขที่ 236/3 ม.2 ต.ปากน้ำปราณ ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากหลายชนิด ด้านในพบร่างหญิงสวมเสื้อเชื้ตสีเหลืองลายดอก สวมกางเกงวอร์มสีดำแถบม่วง ทราบชื่อต่อมาคือ นางบุญล้น ศิริวิโรจน์ หรือเจ้นิ่ม อายุ 60 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่กลางร้าน ใกล้กันพบกระเป๋าคาดเอวสีเทาแบบที่แม่ค้าส่วนใหญ่นิยมใช้ใส่เงิน พบว่า ภายในกระเป๋าเงินสดจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 พันบาทหายไป พร้อมกับพบรอยเท้าเปื้อนเลือดของคนร้าย จำนวน 3-4 รอย นอกจากนนั้น ภายในห้องครัวที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 เมตร พบกางเกงยีนส์เปื้อนเลือดถอดทิ้งไว้ 1 ตัว
น.ส.วิยะดา ศิริวิโรจน์ ลูกสาวผู้ตายเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนออกไปทำธุระที่โรงเรียนลูกสาว เมื่อเสร็จแล้วได้รีบกลับร้านเพราะต้องรีบกลับมาช่วยแม่ขายเสื้อผ้า ซึ่งแม่อยู่ร้านเพียงลำพัง เมื่อมาถึงร้านขณะกำลังจะจอดรถจักรยานยนต์ เห็นชายวัยรุ่น 5 คน เดินออกมาจากร้าน โดยไม่ได้ซื้อของอะไร และต่างแยกกันเดิน โดย 2 คนแรก เดินเลี้ยวซ้ายออกไปทางท้ายซอย 9 ส่วนที่เหลืออีก 3 คน เดินสวนตนมุ่งหน้าออกไปทางตลาดสด พอตนเดินเข้าในร้านจึงเห็นแม่ถูกทำร้ายนอนจมกองเลือดอยู่กลางร้าน จึงตะโกนร้องถามว่า ทำร้ายแม่ตนทำไม ชายทั้งหมดกลับพูดว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นตนได้รีบโทรศัพท์บอกพ่อ และน้องชายที่อยู่ร้านซอยถัดไปให้รีบมาดูแม่ซึ่งพบว่าแม่เสียชีวิตไปแล้ว
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น ทราบว่า คนร้ายน่าจะมีมากกว่า 2 คน และคาดว่าน่าจะเป็นวัยรุ่น หรือไม่ก็แรงงานต่างด้าวที่มารับจ้างทำประมงที่เข้ามาภายในร้านเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ แต่คาดว่า นางบุญล้น คงจะขัดขืน จึงถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธมีด โดยผู้ตายถูกแทงเข้าที่บริเวณสีข้างท้องทั้งซ้าย และขวา เป็นบาดแผลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีบาดแผลที่แขนที่คาดว่าจะเกิดจากการต่อสู้ แต่บาดแผลที่ทำให้เสียชีวิตอยู่ที่ลำคอ เนื่องจากถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดปาดคอจนเป็นแผลฉกรรจ์ทำให้เสียชีวิตในทันที
จากนั้นได้เข้าไปเปลี่ยนกางเกงยีนส์ที่เปื้อนเลือดออกทิ้งไว้ภายในห้องครัว แล้วคว้ากางเกงขาสั้นแบบเจเจที่วัยรุ่นนิยมใส่มาสวมแทน ก่อนหนียังได้หยิบเงินภายในกระเป๋าสะพายของผู้ตาย ที่คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทไปทั้งหมด แล้วยังคว้ากระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลากสีดำติดมือไปด้วยอีกใบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ และแพทย์โรงพยาบาลปราณบุรีได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาร่องรอยของคนร้ายอย่างละเอียด
จากการสอบสวนคาดว่าคนร้ายน่าประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนผู้ต้องสงสัย 5 คนที่ลูกสาวเห็นตอนกลับมาที่ร้าน จากการประมวลเหตุการณ์น่าจะไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเวลาประมาณ 12.30 น. สามีผู้ตายได้โทรศัพท์มาหาภรรยาแต่ไม่รับสาย แต่ก็ไม่คิดอะไรคิดว่ายังคงไม่ว่าง ส่วนลูกสาวมาเจอภรรยาห่างจากเวลาที่ตนโทร.มาประมาณครึ่งชั่วโมง คาดว่ากลุ่มวัยรุ่นที่พบคงไม่ใช้ผู้ต้องสงสัยเพราะว่าคนร้ายก่อเหตุแล้วคงใช้เวลาไม่นาน ขณะนั้น ตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงไม่กล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่จะติดตามหาคนร้ายที่ก่อเหตุสยองขวัญรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (18 ม.ค.) ร.ต.ต.วีระศักดิ์ บัณฑิต ร้อยเวร สภ.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเหตุฆาตกรรมที่ร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่ กลางตลาดปากน้ำปราณ หมู่ที่ 2 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังไชย ผกก.สภ.ปากน้ำปราณ พร้อม พ.ต.ท.สนั่น ศิริมงคล รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำปราณ ทราบ และรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ โรงพยาบาลปราณบุรี
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหัวมุมถนนท้ายซอยผาสุกวนิช 9 ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ ขนาด 2 ชั้น เลขที่ 236/3 ม.2 ต.ปากน้ำปราณ ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปหลากหลายชนิด ด้านในพบร่างหญิงสวมเสื้อเชื้ตสีเหลืองลายดอก สวมกางเกงวอร์มสีดำแถบม่วง ทราบชื่อต่อมาคือ นางบุญล้น ศิริวิโรจน์ หรือเจ้นิ่ม อายุ 60 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่กลางร้าน ใกล้กันพบกระเป๋าคาดเอวสีเทาแบบที่แม่ค้าส่วนใหญ่นิยมใช้ใส่เงิน พบว่า ภายในกระเป๋าเงินสดจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 พันบาทหายไป พร้อมกับพบรอยเท้าเปื้อนเลือดของคนร้าย จำนวน 3-4 รอย นอกจากนนั้น ภายในห้องครัวที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 เมตร พบกางเกงยีนส์เปื้อนเลือดถอดทิ้งไว้ 1 ตัว
น.ส.วิยะดา ศิริวิโรจน์ ลูกสาวผู้ตายเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนออกไปทำธุระที่โรงเรียนลูกสาว เมื่อเสร็จแล้วได้รีบกลับร้านเพราะต้องรีบกลับมาช่วยแม่ขายเสื้อผ้า ซึ่งแม่อยู่ร้านเพียงลำพัง เมื่อมาถึงร้านขณะกำลังจะจอดรถจักรยานยนต์ เห็นชายวัยรุ่น 5 คน เดินออกมาจากร้าน โดยไม่ได้ซื้อของอะไร และต่างแยกกันเดิน โดย 2 คนแรก เดินเลี้ยวซ้ายออกไปทางท้ายซอย 9 ส่วนที่เหลืออีก 3 คน เดินสวนตนมุ่งหน้าออกไปทางตลาดสด พอตนเดินเข้าในร้านจึงเห็นแม่ถูกทำร้ายนอนจมกองเลือดอยู่กลางร้าน จึงตะโกนร้องถามว่า ทำร้ายแม่ตนทำไม ชายทั้งหมดกลับพูดว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นตนได้รีบโทรศัพท์บอกพ่อ และน้องชายที่อยู่ร้านซอยถัดไปให้รีบมาดูแม่ซึ่งพบว่าแม่เสียชีวิตไปแล้ว
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น ทราบว่า คนร้ายน่าจะมีมากกว่า 2 คน และคาดว่าน่าจะเป็นวัยรุ่น หรือไม่ก็แรงงานต่างด้าวที่มารับจ้างทำประมงที่เข้ามาภายในร้านเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ แต่คาดว่า นางบุญล้น คงจะขัดขืน จึงถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธมีด โดยผู้ตายถูกแทงเข้าที่บริเวณสีข้างท้องทั้งซ้าย และขวา เป็นบาดแผลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีบาดแผลที่แขนที่คาดว่าจะเกิดจากการต่อสู้ แต่บาดแผลที่ทำให้เสียชีวิตอยู่ที่ลำคอ เนื่องจากถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดปาดคอจนเป็นแผลฉกรรจ์ทำให้เสียชีวิตในทันที
จากนั้นได้เข้าไปเปลี่ยนกางเกงยีนส์ที่เปื้อนเลือดออกทิ้งไว้ภายในห้องครัว แล้วคว้ากางเกงขาสั้นแบบเจเจที่วัยรุ่นนิยมใส่มาสวมแทน ก่อนหนียังได้หยิบเงินภายในกระเป๋าสะพายของผู้ตาย ที่คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทไปทั้งหมด แล้วยังคว้ากระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลากสีดำติดมือไปด้วยอีกใบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ และแพทย์โรงพยาบาลปราณบุรีได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาร่องรอยของคนร้ายอย่างละเอียด
จากการสอบสวนคาดว่าคนร้ายน่าประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนผู้ต้องสงสัย 5 คนที่ลูกสาวเห็นตอนกลับมาที่ร้าน จากการประมวลเหตุการณ์น่าจะไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเวลาประมาณ 12.30 น. สามีผู้ตายได้โทรศัพท์มาหาภรรยาแต่ไม่รับสาย แต่ก็ไม่คิดอะไรคิดว่ายังคงไม่ว่าง ส่วนลูกสาวมาเจอภรรยาห่างจากเวลาที่ตนโทร.มาประมาณครึ่งชั่วโมง คาดว่ากลุ่มวัยรุ่นที่พบคงไม่ใช้ผู้ต้องสงสัยเพราะว่าคนร้ายก่อเหตุแล้วคงใช้เวลาไม่นาน ขณะนั้น ตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงไม่กล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่จะติดตามหาคนร้ายที่ก่อเหตุสยองขวัญรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป