ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชาวเชียงใหม่หลั่งไหลชมอดีต “คุกหญิง” กลางเมืองคับคั่ง พร้อมร่วมพิธีศาสนา “ปริวาสกรรม-สูตรถอน” แก้เสนียดจัญไรสถานที่ ด้าน “ยิ่งลักษณ์” รับเป็นประธานพิธีทุบทำลาย 26 ม.ค.นี้ ส่วนข้อสรุปหลังรื้อถอนยังไม่จบ มีทั้งตั้งพระพุทธชยันตี-ฟื้นเวียงแก้ว-สังเวชนียสถาน-สวนสาธารณะ” ด้านภาคประชาชนชี้ต้องให้คนเชียงใหม่มีส่วนร่วม เผยพบ “รักเชียงใหม่ 51” เข้าไปจัดการพื้นที่รอทำพิธี แต่ไม่มีราชการหน่วยไหนเข้าไปดูแล
นักเรียน นักศึกษา ประชาชน และนักท่องเที่ยวทยอยเข้าเยี่ยมชมภายในบริเวณอดีตทันฑสถานหญิงเชียงใหม่ ถ.ราชวิถี ต.ศรีภูมิ จ.เชียงใหม่ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีการยืนยันแล้วว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และการทุบทำลายกำแพงทัณฑสถานหญิง เพื่อจัดสร้างข่วงหลวงเวียงแก้ว วันที่ 26 ม.ค.ที่จะถึงนี้
โดยในวันนี้ (22 ม.ค.) มีนักเรียนนั กศึกษา ประชาชน และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเยี่ยมชมภายในบริเวณอดีตทันฑสถานหญิงเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศทั้งภายในอดีตทันฑสถานหญิงและพื้นที่โดยรอบคึกคักตลอดทั้งวัน ขณะที่การเข้าเยี่ยมชมภายในบริเวณทันฑสถานหญิงนั้นพบว่ามีนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่มาทำหน้าที่เป็นวิทยากรอาสาสมัคร เพื่อให้ข้อมูลและช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม
ขณะที่การประกอบพิธีทางศาสนาอย่างการปริวาสกรรมหรือเข้ากรรม และการสูตรถอนหรือสวดถอนเอาสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไรออกจากพื้นที่ของทันฑสถานหญิง ซึ่งในสมัยโบราณเคยเป็นที่ตั้งของ “เวียงแก้ว” หรือพระราชวังในสมัยของพระยามังราย ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ ก็ยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยนับตั้งแต่เริ่มทำพิธีเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ในแต่ละวันจะมีการนิมนต์พระสงฆ์มารับบิณฑบาต เจริญพระพุทธมนต์เพื่ออุทิศส่วนกุศล และแสดงพระธรรมเทศนา ส่วนการทำพิธีสูตรถอนพร้อมทั้งทำพิธีรื้อถอนคุกจะมีขึ้นในวันที่ 26 ม.ค.
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการดำเนินการต่างๆ ภายในบริเวณอดีตทัณฑสถานหญิงนั้น มีกลุ่มที่อ้างว่าเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ รักเชียงใหม่ 51 หรือคนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ เข้ามาเป็นผู้ดูแล ทั้งการจัดเตรียมสถานที่ การจัดวิทยากรให้คำแนะนำแก่ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมอดีตทัณฑสถานหญิง การจัดหาอาหารเครื่องดื่มสำหรับผู้ร่วมงาน และการตั้งโต๊ะรับบริจาคจากประชาชนเพื่อร่วมทำบุญในพิธีดังกล่าว โดยไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์หรือหน่วยงานราชการใดๆ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งมายังสื่อมวลชนในวันนี้แล้วว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีเจริญพระพุทธมนต์และการทุบทำลายกำแพงทัณฑสถานหญิง เพื่อจัดสร้างข่วงหลวงเวียงแก้ว ในวันที่ 26 ม.ค.ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวปรากฏในสื่อหลายแห่งว่ามีการเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานในพิธีดังกล่าว
พิธีการทุบทำลายอดีตทันฑสถานหญิงเชียงใหม่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 ม.ค.ที่จะถึงนี้นั้น เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ได้ย้ายทัณฑสถานหญิงไปยังพื้นที่แห่งใหม่ และมีข่าวสารเกี่ยวกับแผนการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในเบื้องต้นข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อมวลชนหลายแขนงระบุว่า หลังจากรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของอดีตทัณฑสถานหญิงออกไปแล้ว พื้นที่ทั้งหมด 37 ไร่ 3 งาน 26 ตารางวา ประกอบด้วยพื้นที่ในส่วนของทัณฑสถานหญิงและบ้านพักข้าราชการกรมราชทัณฑ์ จำนวน 21 ไร่ 2 งาน 76 ตารางวา รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่พื้นที่ตั้งโกดังและบ้านพักพนักงานของโรงงานยาสูบ จำนวน 10 ไร่ 2 งาน บ้านพักอาศัยของชาวบ้าน 16 แปลง รวม 5 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา จะถูกพัฒนาเป็น “ข่วงหลวงเวียงแก้ว พุทธมณฑลแห่งเชียงใหม่”
โดยพื้นที่ดังกล่าวจะถูกปรับปรุงเพื่อทำเป็นสวนสาธารณะ พร้อมทั้งนำพระพุทธรูป ปางตรัสรู้พุทธชยันตี ซึ่งสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพีระพุทธเจ้า มาประดิษฐานในพื้นที่ดังกล่าว ตามโครงการก่อสร้างข่วงหลวงเวียงแก้ว พุทธมณฑลแห่งจังหวัดเชียงใหม่ งบประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างและบูรณะวัด เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 100 ปี ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการจัดการเสวนาสาธารณะเรื่อง “จากคุ้มสู่คอก จากคอกสู่.....? : แนวทางการบูรณะพื้นที่ทัณฑสถานหญิงกลางเมืองเชียงใหม่” ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันพัฒนาเมืองเชียงใหม่ ณ ศูนย์สร้างสรรค์เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา กลับมีข้อมูลบางส่วนที่แตกต่างออกไปจากที่มีการเผยแพร่ในเบื้องต้น โดยจากการเปิดเผยของนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ระบุว่า นอกจากในพื้นที่ดังกล่าวจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานแล้ว ยังจะมีการรื้อฟื้น “เวียงแก้ว” หรือพีระราชวังขึ้นมาใหม่ โดยจะก่อสร้างขึ้นในพื้นที่ตามแบบอย่างสถาปัตยกรรมล้านนาในสมัยของพระยามังราย รวมทั้งจะมีการจำลองสังเวชนียสถานทั้ง 4 ขึ้นในพื้นที่อีกด้วย
นอกจากนี้ นายเพชรวรรตยังเปิดเผยด้วยว่า เนื่องจากที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่จะย้ายออกจากพื้นที่เดิม ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับอดีตทัณฑสถานหญิง จึงมีแนวคิดที่จะก่อสร้างเฮือนหรือบ้านไม้สักขนาดใหญ่ตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ โดยได้เสนอแนวคิดดังกล่าวไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งประสานไปยังนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เพื่อจะขอใช้ไม้สักที่ทางราชการตรวจยึดจากการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ามาใช้ในการก่อสร้างเฮือนโบราณดังกล่าว เพื่อให้ลูกหลานชาวเชียงใหม่ได้เห็นตัวอย่างของเฮือนโบราณตามแบบล้านนาที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน
ขณะที่ผู้ร่วมการเสวนาซึ่งนำโดย ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ได้เสนอแนวคิดที่แตกต่างออกไป โดยแนวคิดทั้ง 4 ข้อซึ่งเวทีเสวนาได้สรุปออกมา ประกอบด้วย 1. ควรมีการบันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับทัณฑสถานหญิงทั้งหมดเอาไว้ ก่อนที่จะมีการรื้อถอนหรือทุบทำลาย โดยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการเก็บข้อมูล 2. ควรจะมีการตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยบุคคลที่มีที่มาจากหลากหลายกลุ่ม เพื่อหารือกันถึงแนวทางการดำเนินการในพื้นที่อดีตทัณฑสถานหญิงหลังจากที่มีการรื้อถอนแล้ว
3. เชียงใหม่ควรจะมีการวางแผนการพัฒนาเมืองในระดับมหภาค โดยนำเรื่องการพัฒนาพื้นที่ของอดีตทัณฑสถานหญิงมาเป็นประเด็นหนึ่งในการพัฒนาเมืองในภาพรวมทั้งหมดด้วย และ 4. ความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาหรือการก่อสร้างใดๆ ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่อดีตทัณฑสถานหญิง ควรจะมีการหารือให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนและตรงกันทุกฝ่าย โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม และให้อำนาจการตัดสินใจแก่ชาวเชียงใหม่ว่าต้องการจะดำเนินการกับสถานที่ดังกล่าวอย่างไร
