ศรีสะเกษ - คุณตาวัย 75 ปี นำกลุ่มชาวศรีสะเกษลุกฮือทวงคืนเขาพระวิหาร บริจาคที่ดิน 21 ไร่ จัดทำศูนย์ประสานงานรองรับทัพใหญ่กลุ่มธรรมยาตราจากกรุงเทพฯ ขณะที่ผู้นำหมู่บ้านทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ เตรียมเข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวคึกคัก โทรศัพท์ลึกลับข่มขู่กลุ่มกำลังแผ่นดินไม่ให้เข้าร่วมการชุมนุมเคลื่อนไหวในครั้งนี้
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 4 บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนายผัน กิ่งแสง อายุ 75 ปี ได้มีการจัดบริเวณบ้าน ซึ่งมีพื้นที่จำนวน 21 ไร่ ให้เป็นศูนย์ประสานงานในการขับเคลื่อนกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งศาลโลกจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเดือน เม.ย. 56
ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งเวทีขนาดใหญ่ ความกว้าง 8 เมตร ยาว 12 เมตร และมีข้อความเป็นป้ายขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ริมถนนสายกันทรลักษ์-น้ำยืน บริเวณหลัก กม.ที่ 10 จากสามแยกบ้านภูมิซรอลไปทาง อ.น้ำยืน ข้อความว่า “หมู่บ้านสมัชชาธรรมยาตราพิทักษ์สยาม ทวงคืนเขาพระวิหาร มณฑลบูรพา โดยอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941” ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนชาวศรีสะเกษที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นอย่างมาก
นายผัน กิ่งแสง กล่าวว่า ตนเห็นว่ากรณีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องของคนไทยทุกคนที่รักแผ่นดินไทยจะต้องออกมาร่วมกันในการทวงคืนปราสาทพระวิหารให้กลับมาเป็นของคนไทยทุกคน ดังนั้น ตนจึงได้สละที่ดินส่วนตัวจำนวน 21 ไร่ จัดตั้งเป็นศูนย์ประสานงานทวงคืนเขาพระวิหาร ซึ่งขณะนี้ได้ทำการจัดสร้างเวทีขนาดใหญ่เสร็จแล้ว เพื่อเป็นสถานที่ในการอภิปรายกรณีเขาพระวิหาร
เวทีแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายสมพร อุตส่าห์ดี นายก อบต.ภูผาหมอก ให้เวทีมาใช้งาน โดยไม่มีกำหนดเวลาส่งคืน และในวันนี้ (6 ม.ค.) ตนได้รับการประสานงานว่าจะมีคณะกลุ่มพลังมวลชนจากกรุงเทพฯ นำโดย ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ จะลงมาร่วมกันเคลื่อนไหวกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งตนจะได้ประสานงานกับศีรษะอโศก เพื่อขอรับการสนับสนุนด้านอาหารโรงทานสำหรับผู้ที่จะลงมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้
นายผันกล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 12-13 ม.ค. 56 จะมีทัพใหญ่กลุ่มธรรมยาตรา และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ จากทั่วประเทศลงมาร่วมชุมนุมกันที่บริเวณศูนย์ประสานงานแห่งนี้ ซึ่งคาดว่าสถานที่นี้จะเพียงพอต่อการชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อรักษาแผ่นดินไทยได้ และในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ปรากฏว่าได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบรรดาผู้นำหมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และพร้อมที่จะออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพลังมวลชนที่มาจากกรุงเทพฯ
ทางด้าน นายกิติศักดิ์ พ้นภัย หัวหน้ากลุ่มกำลังแผ่นดิน กล่าวว่า การชุมนุมเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ตนและกลุ่มกำลังแผ่นดิน ซึ่งเป็นประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จะได้เข้าร่วมชุมนุม และให้การสนับสนุนการชุมนุมครั้งนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งในเบื้องต้นจะได้นำเอาเครื่องเสียงขนาดใหญ่ไปติดตั้งบริเวณเวทีปราศรัยที่มีการจัดตั้งเรียบร้อยแล้ว เพื่อรองรับการปราศรัยของกลุ่มผู้รักแผ่นดินไทยทุกคนจากทั่วประเทศที่จะมาชุมนุมพร้อมกัน เพื่อทวงคืนปราสาทพระวิหารให้กลับมาเป็นของคนไทย
ทั้งนี้ ตนได้ขับเคลื่อนกรณีทวงคืนปราสาทพระวิหารนี้มาตั้งแต่ปี 2551 โดยได้มีการเรียกร้องให้ทหารไทยเข้าดูแลปกป้องอธิปไตยของไทยบริเวณเขาพระวิหาร และได้มีการทำประชาพิจารณ์ไม่ให้มีการถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณรอบเขาพระวิหาร พร้อมทั้งได้มีการต่อต้านการตัดไม้พะยูง และมีการปลูกป่าไม้พะยูง จำนวน 10,000 ต้น ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร
นายกิติศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ซึ่งจากการที่ตนได้มีการต่อสู้กรณีเขาพระวิหารมาอย่างต่อเนื่อง และจะมีการชุมนุมใหญ่ในเร็วๆ นี้ ปรากฏว่าได้มีโทรศัพท์ลึกลับโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่ตนว่าให้หยุดการเคลื่อนไหวทวงคืนเขาพระวิหารในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ หากว่าตนยังคงดื้อรั้นเป็นแกนนำในการทวงคืนปราสาทพระวิหารให้กลับมาเป็นของคนไทย ก็อาจจะมีอันตรายถึงกับเสียชีวิตได้ โดยได้มีการโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่ตนหลายครั้ง แต่ว่าตนไม่กลัว เพราะถือว่าสิ่งที่ตนและคณะสมาชิกกลุ่มกำลังแผ่นดินทุกคนทำอยู่ในขณะนี้เป็นการต่อสู้เพื่อรักษาแผ่นดินไทยไม่ให้เป็นของต่างชาติ รวมทั้งจะได้ร่วมทวงคืนปราสาทพระวิหารให้กลับมาเป็นของคนไทยอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะมีกรณีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร แต่ปรากฏว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวบริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก็ยังมีนักท่องเที่ยวพากันขึ้นไปเที่ยวชมความสวยงามตามธรรมชาติของผามออีแดงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้มีการอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ขณะที่บริเวณปราสาทพระวิหารซึ่งมีเจ้าหน้าที่กัมพูชาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่นั้นเหตุการณ์ก็ยังคงปกติ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น
