ศรีสะเกษ - แก๊งนายทุนผู้มีอิทธิพลฮุบป่าห้วยศาลา แหล่งต้นน้ำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ 3,400 ไร่ เหิมยกพวกนับสิบข่มขู่พระป่านักอนุรักษ์ ประกาศลั่นหากไม่หยุดร้องเรียนเป็นผีเฝ้าป่าแน่ ขณะ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 เข้าหารือผู้ว่าฯศรีสะเกษเตรียมใช้มาตรการตาม กม.เข้มเพื่อผลักดันกลุ่มนายทุนออกจากป่าให้หมด ด้าน “ออป.” อ้างดูแลแก้ปัญหาป่าพื้นที่รับผิดชอบกว่า 400 ไร่มาโดยตลอด
วันนี้ (27 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำหลักฐานกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล ผู้นำชุมชน และคนมีสี บุกรุกตัดไม้ทำลายป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา ต.โคกตาล ซึ่งเป็นป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีกว่า 3,400 ไร่ เพื่อยึดครองปลูกพืชเศรษฐกิจและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน จนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจสอบและเริ่มดำเนินการต่อกลุ่มผู้บุกรุกตามกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ จำนวนหนึ่งพากันมากราบนมัสการพระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนห้วยศาลา เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและตรวจสอบเฝ้ารักษาป่าตามคำสั่งของ นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 จ.นครราชสีมา ที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาเฝ้าดูแลป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาอย่างเข้มงวด และได้มีการบุกตรวจยึดพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติมอีกหลายรายเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะจับกุมผู้บุกรุกป่าได้ เนื่องจากมีการไหวตัวหลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจยึดป่าคืน
พระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนห้วยศาลา กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่คณะของผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 และนายอำเภอภูสิงห์เข้ามาพบกับอาตมภาพเพื่อหารือเกี่ยวกับการรักษาป่าและหามาตรการจัดการกลุ่มนายทุนที่บุกรุกที่ดินป่าต้นน้ำ ปรากฏว่าได้มีกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลากับพวกจำนวนประมาณ 10 คน พากันเข้ามาเดินรอบศาลาที่อาตมภาพนั่งอยู่ และกลุ่มนายทุนมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัดเจนคล้ายกับคนที่มีอาการคลั่งพูดด่าว่ากลุ่มที่ต่อต้านการบุกรุกป่าเขาแดง
โดยนายทุนอิทธิพลได้จ้องมองหน้าอาตมภาพเขม็ง และในช่วงที่อาตมภาพเดินเข้าไปหยิบเอกสารด้านในศาลา นายทุนใหญ่จอมอิทธิพลได้เดินเข้ามาใกล้และพูดเสียงค่อนข้างดังว่า “หากพระสถิตไม่หยุดร้องเรียนเรื่องป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลามีหวังกลายเป็นผีเฝ้าป่าแน่”
พระสถิตกล่าวต่อไปว่า อาตมภาพได้ยินเสียงชัดเจนและรู้ว่าเป็นใครพูด แต่ว่าได้นิ่งเฉยและยังคงทำตัวปกติเช่นเดิม แต่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากได้ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะรักษาป่าผืนนี้ร่วมกับชาวบ้านนักอนุรักษ์ทุกคนเพื่อไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน และจะได้ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องน้อมเกล้าฯ ถวายในหลวงเพื่อสร้างเป็นเรือนประทับให้ได้โดยเร็วต่อไป เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา แต่ว่าใกล้จะถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2555 แล้วยังไม่สามารถผลักดันกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่าออกไปจากป่าแห่งนี้ได้ ซึ่งอาตมภาพได้แจ้งเรื่องไปยังนายอำเภอภูสิงห์ และจะได้ขอเจ้าหน้าที่ อส.มาช่วยดูแลความปลอดภัยในบริเวณนี้ด้วยแล้ว
นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 จ.นครราชสีมา กล่าวว่า เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลานี้ ตนเข้าพบ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาในการหารือกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งตนได้นำเรียนให้ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษทราบในหลายประเด็น เช่น ในเรื่องมีการข่มขู่พยาน ซึ่งได้ขอให้ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษช่วยดูแลด้วย ส่วนปัญหาการบุกรุกป่าคงต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งผู้ว่าฯ ศรีสะเกษแจ้งว่า ให้ดำเนินการเรื่องนี้ตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และจะหามาตรการในการดำเนินการตามกฎหมายให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ส่วนการผลักดันกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่านั้น ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปทำการตรวจยึดป่าคืนจากกลุ่มนายทุนนับร้อยไร่ แต่ว่ายังไม่ได้รับรายงานจำนวนที่แน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าไร โดยมีเจ้าหน้าที่ที่กำลังดำเนินการอยู่จำนวน 3 หน่วย กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้นประมาณ 20 คน
นายสมหวังกล่าวต่อว่า ส่วนที่กำลังเป็นคดีความกันอยู่นั้นคงยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ต้องรอคำพิพากษาของศาลเสียก่อน เพราะป่าแห่งนี้ไม่ใช่ป่าธรรมดายังไม่ได้เป็นป่าสงวน ซึ่งการเป็นป่าถาวรกฎหมายยังไม่เข้มข้น แต่ตนได้เน้นกำชับให้เจ้าหน้าที่หมั่นลงไปพื้นที่ให้มาก เพื่อป้องกันในส่วนที่มีการดำเนินคดีแล้วไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมไม่ให้มีกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมาอีก และพื้นที่ป่าเดิมที่จับกุมแล้วแต่มาปลูกต้นไม้เศรษฐกิจใหม่นั้นตรงนี้ก็ต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
ส่วนการบุกจับกุมเมื่อวันที่ 26 พ.ย.นั้น กลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่าได้ไหวตัวหลบหนีไปก่อน ซึ่งจะได้สืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป และเรื่องนี้ได้พูดคุยกับทางพระสถิต ก็ได้ทำความเข้าใจกันในระดับหนึ่งแล้ว
ทางด้าน นายพิทักษ์ รักอาชีพ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาไม้เศรษฐกิจ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การบุกรุกเขตพื้นที่ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาตามที่เป็นข่าวนั้น ไม่มีพื้นที่ใดอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ซึ่งในส่วนความรับผิดชอบของ ออป.จะมีเนื้อที่จำนวน 421 ไร่ และมีชาวบ้านได้ครอบครองอยู่อาศัยเป็นที่ทำกินก่อนที่จะมีการรับมอบพื้นที่จากกรมป่าไม้เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2534 สภาพพื้นที่รับมอบในขณะนั้นเป็นไร่มันสำปะหลัง ป่าหญ้าคา ที่เหลือเป็นพื้นที่ที่มีไม้ยูคาลิปตัสประมาณ 10 ไร่ ทั้งนี้ไม่พบต้นไม้ธรรมชาติดั้งเดิมขึ้นอยู่ในพื้นที่ 421 ไร่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ออป.ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 421 ไร่ร่วมกับ จ.ศรีสะเกษมาโดยตลอด พร้อมทั้งมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยที่ผ่านมาได้ทำการจับกุมกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่าในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ออป.ในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 14 คดี ได้ผู้ต้องหา 16 คน ซึ่งตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ ออป.ลงไปตรวจสอบพื้นที่ 421 ไร่ เพื่อป้องกันการบุกรุกเข้าไปยึดครองอย่างจริงจังและต่อเนื่องมาโดยตลอด
อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :
1.ผอ.สำนักฯ 8 นำคณะลุยตรวจป่าศรีสะเกษถูกนายทุนรุก-ยึดคืนผืนป่าทันที 117 ไร่ พร้อมแจ้งความดำเนินคดี
2.พระนักสู้ประกาศยอมตายคาผ้าเหลืองเพื่อรักษาผืนป่าต้นน้ำเขาแดง จ.ศรีสะเกษที่นายทุนบุกรุก
3.บุกตรวจกลุ่มอิทธิพลฮุบป่า “ห้วยศาลา” 3,400 ไร่-พบโค่นต้นไม้เผายับบริเวณกว้าง
4.“พระป่า” ศรีสะเกษสุดทน ร้อง “นายทุน-คนมีสี” เหิมบุกเผาฮุบป่าต้นน้ำ 3,400 ไร่