ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศาลปกครองเชียงใหม่สั่งระงับการก่อสร้างบ้านเจ้าของ “วุฒิศักดิ์คลินิก” หน้าลานครูบาศรีวิชัยชั่วคราว แต่เปิดช่องอุทธรณ์ได้ใน 30 วัน “นที” เผยกลุ่มฮักช่างเคี่ยนพอใจหลังเคลื่อนไหวคัดค้านต่อเนื่อง พร้อมฝากชาวเชียงใหม่-สื่อจับตาการก่อสร้างหยุดจริงหรือไม่ ด้านทีมงาน “ณกรณ์” เจ้าของสถานเสริมความงามชื่อดังระบุเตรียมยื่นอุทธรณ์ พร้อมชี้แจงข้อมูลต่อสาธารณะ
วันนี้ (21 ม.ค.) นายนที ธีระโรจนพงษ์ หรือเกย์นที พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มฮักช่างเคี่ยน ร่วมกันแถลงข่าวกรณีศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างอาคารของนายณกรณ์ กรณ์หิรัญ ผู้บริหารสถานเสริมความงามวุฒิศักดิ์คลินิก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ณ ลานอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เชิงดอยสุเทพ
การแถลงข่าวในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ศาลปกครองจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่งเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2556 ให้นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ ระงับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว หลังจากที่นายนทีได้ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ เนื่องจากเห็นว่าออกเอกสารสิทธิในที่ดินและออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโดยมิชอบ
ศาลได้รับคำร้องและสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว โดยให้ระงับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวเอาไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น พร้อมทั้งให้ผู้รับคำสั่งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ได้ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล
นายนทีกล่าวว่า ตนและสมาชิกกลุ่มฮักช่างเคี่ยนรู้สึกโล่งใจที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวและให้ระงับการก่อสร้างหลังจากที่ตนและกลุ่มฮักช่างเคี่ยนได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการก่อสร้างบ้านของนายณกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าเป็นการก่อสร้างกลุ่มอาคารใกล้กับลานอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมและอาจจะบดบังทัศนียภาพของอนุสาวรีย์ อีกทั้งพื้นที่ก่อสร้างยังตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งไม่น่าจะสามารถออกเอกสารสิทธิได้
นายนทีกล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างชั่วคราวแล้วก็ถือว่าการเคลื่อนไหวของทางกลุ่มฮักช่างเคี่ยนในเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นลงด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากนี้ต้องขอให้สื่อมวลชนและชาวเชียงใหม่ช่วยกันติดตามตรวจสอบว่าเจ้าของอาคารได้ยินยอมปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากในอนาคตพบว่ายังไม่มีการปฏิบัติตาม ทางกลุ่มฮักช่างเคี่ยนก็จะเข้าแจ้งต่อศาลปกครองเพื่อเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายต่อไป
กรณีที่ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่นายนทีได้เปิดเผยว่า นายณกรณ์ซึ่งเป็นผู้บริหารของวุฒิศักดิ์คลินิก ได้ซื้อที่ดินบริเวณใกล้กับลานอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย โดยจะสร้างอาคารสูงซึ่งอาจบดบังทัศนียภาพ และอาจเปิดเป็นโรงแรมหรือสปา ทำให้เกิดกระแสคัดค้านการก่อสร้างดังกล่าวขึ้น
ขณะที่นายณกรณ์ระบุว่า การก่อสร้างดังกล่าวเป็นเพียงการก่อสร้างอาคารบ้านพักอาศัย อีกทั้งยังมีโฉนดและใบอนุญาตก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2555 นายนที และนายณกรณ์ พร้อมทั้งประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมประชุมหารือกันในเรื่องดังกล่าวที่วัดศรีโสดา พระอารามหลวง โดยในระหว่างการหารือนายนทีและพวกซึ่งไม่พอใจในกระบวนการหารือได้ถอนตัวจากการประชุม
ขณะที่ผลการหารือได้ข้อยุติว่านายณกรณ์จะก่อสร้างอาคารบ้านพักอาศัยดังกล่าวต่อ แต่รับที่จะปรับเปลี่ยนแบบการก่อสร้างอาคาร โดยจะทำการปรับเอาชั้นที่ 2 ของอาคารในส่วนที่ 1 ด้านหน้าที่ตั้งอยู่ใกล้กับร้านดอกไม้ ซึ่งหลายฝ่ายเห็นว่ามีความสูงใกล้กับอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยออกไป
ขณะที่นายนทีได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ฟ้องร้องอธิบดีกรมที่ดินกับพวกรวม 3 รายในกรณีดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองให้ระงับการก่อสร้างเป็นการชั่วคราว
นอกจากนี้ นายนทียังได้ยื่นเรื่องไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้มีการสอบสวนการได้มาของเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าว โดยขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลว่าจะสามารถดำเนินการใดๆ ได้หรือไม่
ขณะที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวก็ได้ออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนเช่นกัน โดยนายณัฐวัฒน์ ชั้นอยู่ ผู้ควบคุมงานและตัวแทนสถาปนิก บริษัท ลานนาอาร์คิเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบการออกแบบและก่อสร้างอาคารดังกล่าวให้นายณกรณ์เปิดเผยว่า แบบบ้านและใบอนุญาตก่อสร้างได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งยังได้ทำการปรับแก้แบบให้เป็นไปตามข้อตกลงของที่ประชุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค.แล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ขอชี้แจงว่าอาคารดังกล่าวเป็นบ้านพักอาศัย ไม่ใช่รีสอร์ตหรือสปาเหมือนอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ส่วนกรณีคดีความที่เกิดขึ้นนั้นจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล
ส่วนนายจำรุญวิทย์ จันนรานนท์ ผู้ประสานงานของนายณกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับคำสั่งของศาลแล้ว โดยทางนายณกรณ์จะแจ้งให้บริษัทผู้รับเหมาระงับการดำเนินการตามคำสั่งของศาลไปก่อน ขณะเดียวกันก็เตรียมที่จะยื่นเรื่องอุทธรณ์ตามเวลาที่ศาลได้แจ้งไว้ รวมทั้งจะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนด้วย อาจรวมถึงการเชิญสื่อมวลชนมาดูการก่อสร้างอาคารอย่างเป็นทางการ โดยจะดำเนินการทันทีที่นายณกรณ์พร้อม
ส่วนการที่นายณกรณ์ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ไม่ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเท่าที่ควรนั้น นายจำรูญวิทย์ระบุว่า เป็นเพราะนายณกรณ์ไม่ต้องการให้เรื่องดังกล่าวบานปลาย อีกทั้งการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ก็เป็นไปด้วยดี โดยทางชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหาหรือคัดค้านการก่อสร้างบ้านพักอาศัยของนายณกรณ์แต่อย่างใด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักอาศัยของนายณกรณ์นั้น จากข้อมูลที่ระบุในโฉนดพบว่าที่ดินผืนดังกล่าวซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 3 แปลง เคยเป็นของนายสันต์ ศิลปิกุล ประกอบด้วยที่ดินขนาด 1 ไร่ 37 ตารางวา ที่ดินขนาด 3 งาน 85 ตารางวา และที่ดินขนาด 2 งาน 97 ตารางวา โดยมีนายภุชงค์ ศิลปิกุล ผู้จัดการมรดกของนายสันต์เป็นผู้ดูแล ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนมือมาเป็นของนายณกรณ์ในภายหลัง นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าเคยมีการฟ้องร้องกรณีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินผืนดังกล่าวระหว่างนายสันต์กับกรมป่าไม้มาแล้ว ซึ่งผลปรากฏว่านายสันต์เป็นฝ่ายชนะคดี