xs
xsm
sm
md
lg

เปิด “หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา” 22 ม.ค. ตั้งเป้าศูนย์กลางดาราศาสตร์ภูมิภาค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สดร.เตรียมเปิด “หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา” 22 ม.ค. นี้ สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นประธานเปิด ผอ.สดร.ชี้เป็นก้าวสำคัญสู่วงการดาราศาสตร์โลก พร้อมทั้งผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางดาราศาสตร์อาเซียน ด้าน รอง ผอ.ระบุที่ตั้งหอดูดาวไทยดีเยี่ยมสำรวจดวงดาวได้ทั้งปี ส่วนผู้ว่าฯ เชื่อหอดูดาวช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ พัฒนาเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เตรียมจัดพิธีเปิด “หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา” อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ม.ค. ที่จะถึงนี้ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงเป็นประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ จากการเปิดเผยของรองศาสตราจารย์บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

รองศาสตราจารย์บุญรักษา กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวเปิดตัวหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ซึ่งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดหอดูดาวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 22 ม.ค. ที่จะถึงนี้

หอดูดาวแห่งนี้ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์ และยังได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา” ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการดาราศาสตร์ไทย ในการก้าวสู่การวิจัยและวิชาการทางด้านดาราศาสตร์ทั้งใน และต่างประเทศด้วยเครื่องมือเครื่องใช้ที่ได้มาตรฐานในระดับสากล

หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางดาราศาสตร์ที่สำคัญทั้งในประเทศ และระดับนานาชาติ ขณะเดียวกัน ยังจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการจัดการศึกษา และงานวิจัยของอาจารย์ และนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งยังจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านดาราศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติกล่าวต่อไปว่า นอกจากงานทางด้านวิชาการ และการค้นคว้าวิจัยซึ่งถือเป็นภารกิจหลักที่สำคัญแล้ว สถาบันยังมุ่งหวังให้หอดูดาวแห่งนี้เป็นแรงกระตุ้น และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชนของประเทศเกิดความสนใจใฝ่รู้ และรักในวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งมุ่งหวังให้หอดูดาวเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนางานวิทยาศาสตร์พื้นฐานของประเทศให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

หลังจากนี้ ทางสถาบันจะดำเนินการในเรื่องของการสร้างอุทยานดาราศาสตร์ที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งการพัฒนาเครือข่ายหอดูดาวภูมิภาคเพื่อให้ประชาชนในทุกภาคได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลทาด้านดาราศาสตร์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ขณะที่ผู้ที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด หากแต่การเข้าเยี่ยมชม และดูดาวในช่วงกลางคืนจะต้องมีการยื่นเรื่องขออนุญาตในนามหมู่คณะเสียก่อน เนื่องจากที่ตั้งของหอดูดาวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติที่ต้องมีการควบคุมดูแล

ด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รอผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยของหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาว่า หอดูดาวแห่งนี้ได้ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตร ที่สามารถเล็ง และติดตามวัตถุท้องฟ้าได้แม่นยำ โดยกล้องโทรทรรศน์สามารถหมุนได้รอบเพื่อเคลื่อนที่กวาดพิกัด และมีโดมไฟเบอร์กลาสขนาดใหญ่ที่สามารถหมุนตามได้สอดคล้องกัน

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งเครื่องบันทึกสัญญาณต่างๆ เช่น กล้องถ่ายภาพซีซีดี ซีซีดีสเปกโทรกราฟ เพื่อการจัดเก็บข้อมูลทางด้านดาราศาสตร์ และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั้งหมดทำงานอัตโนมัติควบคุมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้จากระยะไกล

ขณะที่สถานที่ที่ตั้งของหอดูดาวซึ่งตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั้น เป็นจุดที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 2,457 เมตร ถือว่ามีทัศนวิสัยเหมาะแก่การสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ อีกทั้งยังโดดเด่นกว่าทำเลของหอดูดาวในต่างประเทศ เพราะมีหอดูดาวเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งทำให้สามารถสังเกตการณ์ทั้งซีกฟ้าเหนือ และซีกฟ้าใต้ได้ตลอดทั้งปี และสามารถทำการวิจัยได้มากกว่า 200 คืนต่อปี

นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการเปิดตัวหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี และน่าภาคภูมิใจสำหรับชาวเชียงใหม่ ที่หน่วยงานด้านดาราศาสตร์ระดับชาติมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติจะมีส่วนในการผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางทางด้านดาราศาสตร์ของประเทศ ซึ่งนอกจากจะสร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดเชียงใหม่แล้ว ยังจะช่วยเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ประชาชน ส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ชาวเชียงใหม่อีกด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น