ศรีสะเกษ - นายอำเภอฝรั่ง จากเมืองศาลโลก บุกพิสูจน์ “ปราสาทพระวิหาร” เผยจากสภาพข้อเท็จจริงทั้งลักษณะภูมิประเทศ และหลักการปักปันเขตแดน “ปราสาทพระวิหาร” ควรเป็นของไทย ไม่ใช่กัมพูชา ขณะประธานคณะธรรมยาตราฯ นำทีม เตรียมสถานที่พร้อมรับพลังมวลชนทั่วประเทศ ชุมนุมใหญ่ต้านศาลโลก ที่ อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ วันพรุ่งนี้ (12 ม.ค.)
วานนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มี มิสเตอร์แฟรงค์ บาร์คเกอร์ นายอำเภอจากเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และนางพิมกาญจน์ จำพร อายุ 39 ปี ภรรยาชาวไทย ได้เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นการส่วนตัว และดูข้อเท็จจริงกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาที่กำลังเป็นข่าวไปทั่วโลกว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่ง มิสเตอร์แฟรงค์ ได้ใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูปราสาทพระวิหาร บนยอดเขาพระวิหาร พร้อมตรวจดูสภาพภูมิประเทศโดยรอบปราสาทพระวิหารอย่างละเอียด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ของไทย คอยอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
มิสเตอร์แฟรงค์ บาร์คเกอร์ นายอำเภอจากเมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ กล่าวผ่าน นางพิมกาญน์ จำพร ภรรยาชาวไทยที่ช่วยเป็นล่ามแปลว่า ตนเป็นนายอำเภออยู่ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเฮก ที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์เพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น จากการที่ได้ทราบข้อมูลว่าปราสาทพระวิหารกำลังเป็นปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา และศาลโลกจะมีการพิจารณาคดีในเดือน เม.ย.2556 นี้ จึงต้องการมาพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารเป็นอย่างไร
จากการที่ได้ดูสภาพข้อเท็จจริงของภูมิประเทศโดยรอบปราสาทพระวิหารแล้วเห็นว่า ตามลักษณะภูมิประเทศ และหลักเกณฑ์ของการปักปันเขตแดนระหว่างประเทศ ปราสาทพระวิหารน่าที่จะเป็นของประเทศไทยไม่ใช่เป็นของประเทศกัมพูชา ซึ่งจะได้นำเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้ชาวเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทราบ และเข้าใจสภาพข้อเท็จจริงเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ชาวไทยทั้งประเทศกรณีปราสาทพระวิหารต่อไป
ขณะเดียวกัน ที่บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสมาน ศรีงาม ประธานคณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยกรณีปราสาทพระวิหาร มณฑลบูรพา ได้นำคณะสมาชิกกลุ่มธรรมยาตราฯ พากันจัดเตรียมสถานที่ และเวทีให้พร้อมในการจัดชุมนุมใหญ่ระหว่างวันที่ 12-13 ม.ค. นี้
นายสมาน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปยื่นหนังสือต่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ดำเนินการตามมาตรการ 9 ข้อในการแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร โดยขอให้ใช้อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 และขอให้คัดค้านอำนาจของศาลโลก ส่วนการชุมนุมใหญ่ในระหว่างวันที่ 12-13 ม.ค. นี้ ไม่อยากใช้คำว่าชุมนุม เพราะตามความเป็นจริงแล้ว เป็นการประชุมของกลุ่มธรรมยาตราฯ และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ กรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งตนได้รับเชิญให้มาประชุมในครั้งนี้ด้วย ส่วนจะใช้เวลาในการประชุมนานเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร
หากไม่มีเหตุขัดข้อง ตนจะนำคณะธรรมยาตราฯ ขึ้นไปบริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำของขวัญปีใหม่ไปมอบให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ตชด. และทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหาร
“ในการเดินทางมาประชุมในครั้งนี้ ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจที่ได้มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ อีกทั้งประชาชนบ้านภูมิซรอล และหมู่บ้านใกล้เคียงของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก็ได้ให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น ซึ่งจะได้ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหากรณีปราสาทพระวิหารอย่างเต็มที่ต่อไป” นายสมานกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน สถานการณ์ภายในหมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ตั้งอยู่ใกล้เขาพระวิหารมากที่สุด ยังคงอยู่ในสภาพปกติไม่มีเหตุการณ์ใดๆ โดย นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทำให้ประชาชนชาวบ้านภูมิซรอลไม่รู้สึกวิตกกังวลใจต่อการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มธรรมยาตราฯ และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ จากทั่วประเทศ ในครั้งนี้แต่อย่างใด