ศรีสะเกษ - ชาวภูมิซรอล หมู่บ้านชายแดนติด “เขาพระวิหาร” ยันไม่อยากให้ไทยเสียดินแดน แม้ต้องเสี่ยงกับภัยสงครามก็ยอม ชี้หากศาลโลกตัดสินยก “ปราสาทพระวิหาร” ให้กัมพูชา พื้นที่รอบตัวปราสาท 4.6 ตร.กม.ต้องเป็นของไทยเพื่อยุติปัญหา แต่เชื่อว่าเขมรคงไม่ยอม พร้อมเรียกร้องให้ทหารไทยเข้าดูแลพื้นที่เช่นเดิม
วันนี้ (9 ม.ค.) ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ชาวบ้านยังทำมาหากินกันตามปกติ ขณะที่บางส่วนจับกลุ่มพูดคุยเรื่องกลุ่มธรรมยาตราทวงคืนเขาพระวิหารและมลฑลบูรพา และกลุ่มพลังมวลชนจากทั่วประเทศจะมาชุมนุมคัดค้านอำนาจศาลโลก ที่ อ.กันทรลักษ์ วันที่ 12-13 มกราคม เนื่องจากชาวบ้านเกรงว่าหากคำพิพากษาของศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีจะทำให้ชาวบ้านชายแดนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
นายปรีชา แก้วลา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125/1 บ้านภูมิซรอล หมู่ 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ไทยต้องเสียดินแดน แม้ว่าชาวบ้านต้องเสี่ยงกับภัยสงครามก็ต้องยอม หากเป็นไปได้อยากให้ผลการตัดสินของศาลโลกออกมาโดยตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา ส่วนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรควรเป็นของประเทศไทย แต่คาดว่าฝ่ายกัมพูชาคงไม่ยอม และดินแดนของไทยที่บริเวณผามออีแดงก็อาจต้องสูญเสียไปด้วย และหากจะเกิดสงครามชาวบ้านภูมิซรอลทุกคนก็ต้องทำใจอยู่แล้วเพราะไม่มีใครอยากสูญเสียดินแดนแน่นอน
ด้านนายพัด บุญเลี้ยง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 503 บ้านภูมิซรอล หมู่ 2 ต.เสาธงชัย กล่าวว่า ไม่อยากให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นบริเวณเขาพระวิหาร หากศาลโลกจะตัดสินก็ควรตัดสินเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องมีปัญหาบริเวณเขาพระวิหารอีกต่อไป ตนไม่อยากให้ไทยและกัมพูชาต้องรบกันอีก เพราะเกิดสงครามขึ้นมาตนและครอบครัวต้องวิ่งหนีลูกปืนใหญ่จนเก็บข้าวไม่ทัน ทุกวันนี้ต้องให้ลูกหลานเตรียมเก็บกระเป๋าไว้แล้ว หากเกิดสงครามก็วิ่งหนีได้ทันที
“อยากให้ไทยและกัมพูชารักกัน และอยากให้ศาลโลกตัดสินเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนมากกว่า และอยากให้ทหารไทยเข้ามาดูแลในพื้นที่บริเวณเขาพระวิหารเช่นเดิม เพราะชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยมากกว่า”
