สุโขทัย - เจ้าหน้าที่ ศปธ.ดีเอสไอลงพื้นที่สุโขทัยตั้งโต๊ะไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ ดึง “เจ๊เล็ก” เจ้าแม่เงินกู้รายใหญ่เจรจาลูกหนี้ จนสุดท้ายยอมลดหนี้ให้ 50% เผยลูกหนี้แต่ละรายเจอสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่เซ็นเอกสารเปล่า-ส่งไป ล้มไป จนดอกทบต้น ต้นทบดอก หนี้งอกไม่สิ้นสุด
วันนี้ (20 ธ.ค.) พ.ต.ท.กฤตธัช อ่วมสน ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม (ศปธ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้เดินทางมาไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้นอกระบบ ระหว่างนางกันนิกา ผิวเขียว หรือ เจ๊เล็ก เจ้าหนี้ กับชาวบ้านกลุ่มลูกหนี้ที่กำลังถูกฟ้องดำเนินคดีจำนวนกว่า 120 ราย ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
พ.ต.ท.กฤตธัชกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้มาดูแลปัญหานี้เป็นพิเศษ เพราะมีชาวบ้านเดือดร้อนกันมาก และจากการเจรจากับเจ้าหนี้ก็ได้ข้อสรุปว่าเขาจะลดหนี้ให้ลูกหนี้เหลือครึ่งหนึ่งของวงเงินที่กู้ไป ซึ่งก็นัดให้ชาวบ้านที่เป็นลูกหนี้มาเจรจากับเจ้าหนี้แล้วกว่า 40 ราย
“การกู้หรือผ่อนหนี้สองฝ่ายเขารู้กัน เราเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย ซึ่งเราได้ข้อมูลทั้งสองฝ่ายมา แต่การที่จะยอมรับการตกลงหนี้ได้นั้นทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันเอง อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฯ ยังคงมีการติดตามพฤติกรรมของเจ้าหนี้ และจะตรวจสอบเอกสารสัญญาต่างๆ ด้วย”
นางศรีนวล ฉิมเชื้อ อายุ 51 ปี กล่าวว่า ตนกู้เงินมาทั้งหมด 600,000 บาท แต่ได้รับเงินมา 540,000 บาท ส่วนที่โดนหัก 30,000 บาทเป็นค่าปากกา และอีก 30,000 บาทหักเป็นเงินค่าส่งรายวันทันที รวมส่ง 24 วัน
“ฉันใช้หนี้ไปหมดแล้ว แต่ก็โดนฟ้อง ฉันส่งวันละ 30,000 บาท รวม 142 วันเป็นเงินก็เกือบ 6,000,000 บาท ส่งหมดเขาก็ยังฟ้องอีก 870,000 บาท ยังไม่รวมดอกเบี้ยนะ ฉันจึงสู้ความและชนะในที่สุด”
นางศรีนวลกล่าวอีกว่า เงินที่กู้มานั้นได้นำมาเป็นทุนหมุนเวียนผลิตกล้วย-ฟักทองอบเนย ซึ่งเป็นสินค้าโอทอป 5 ดาว และการส่งดอกกับเงินต้นที่ผ่านมาก็ล้ม 9 ครั้ง คือหาส่งให้ไม่ทันก็โดนปรับดอกเบี้ยครั้งละ 150,000 บาท รวม 9 ครั้งก็โดนปรับไปเป็นเงินทั้งสิ้น 1,350,000 บาท
นางเสงี่ยม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี แม่ค้าขายของชำตลาดนัด กล่าวทั้งน้ำตาว่า สามีเป็นคนกู้มา 20,000 บาท ส่งวันละ 1,000 บาท โดยครั้งแรกส่งมาได้ 12 วันก็ล้มเพราะหาจ่ายให้ไม่ทันจึงต้องเริ่มต้นส่งใหม่ ยอดหนี้ 20,000 เท่าเดิม งวดหลังนี้ส่งมาได้ 14 วันก็ล้มอีก รวมส่งแล้วเป็นเงินกว่า 30,000 บาท ล่าสุดเจ้าหนี้ขู่ฟ้อง เขาบอกว่ามียอดกู้ 40,000 บาท
“ตอนนี้สามีฉันหนีไปอยู่กับคนใหม่แล้ว ปล่อยให้ฉันต้องรับภาระคนเดียว ฉันจึงต้องรับจ้างตัดอ้อยไปวันๆ จะไปขายของตามตลาดนัดเหมือนเดิมก็ไม่ได้กลัวพวกเจ้าหนี้หมวกกันน็อกจะมาพังร้าน เพราะที่ผ่านมาเคยโดนเผาแผงวางของ และถูกเขียนด่าบนฝาบ้านมาแล้ว”
นางย้อม กุศล อายุ 52 ปี อาชีพทำสวน กล่าวว่า ไปกู้เขามา 10,000 บาท ส่งวันละ 500 บาท รวม 24 วัน ส่งไปล้มไปเพราะหาจ่ายให้ไม่ทันก็เริ่มต้นส่งใหม่ แต่รวมส่งไปแล้วทั้งหมดเป็นเงินกว่า 30,000 บาท กระทั่งมีหนังสือทวงถามจากทนายความของเขา ระบุเป็นหนี้ 50,000 บาท
“ลูกหนี้ทุกคนจำใจต้องเซ็นเอกสารเปล่าเพราะต้องการเงินมาใช้เป็นทุนชีวิต พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นเลย ไม่คิดว่าเขาจะมาเขียนตัวเลขเงินกู้สูงเกินความจริงแบบนี้”
ด้านนางกันนิกา ผิวเขียว หรือ เจ๊เล็ก อายุ 41 ปี เจ้าหนี้ชาวศรีสัชนาลัย กล่าวว่า ยินดีประนีประนอมตามที่ศาลมีคำสั่งมา โดยจะลดยอดหนี้เงินกู้แต่ละรายให้เหลือครึ่งหนึ่ง เพราะอยากให้ทุกอย่างยุติจะได้ต่างไปทำมาหากินกันต่อไป