ศรีสะเกษ - อธิบดีกรมป่าไม้บุกกราบ “พระนักอนุรักษ์” รักษาป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา อ.ภูสิงห์ ศรีสะเกษ เพื่อรับทราบข้อมูลร่วมกับชาวบ้านกลุ่มนักอนุรักษ์ ลั่นร่วมทุกหน่วยงานนำป่ากลับคืนมาเป็นของแผ่นดินให้ได้ และขอกำลังทหารเข้ามาช่วย พร้อมส่งนัก กม.ช่วยเหลือชาวบ้าน 32 คน ที่เป็นพยานให้จนท.ป่าไม้ ตร.ดำเนินคดีแก๊งฮุบป่า แล้วถูกนายทุนอิทธิพลกลั่นแกล้งฟ้องร้อง
วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีปัญหากลุ่มนายทุนอิทธิพลบุกรุกยึดครองป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กว่า 3,400 ไร่ โดยมี พระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ พร้อมกลุ่มชาวบ้านออกมาต่อต้าน และพยายามร่วมกันอนุรักษ์ป่าดังกล่าวเอาไว้
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บริเวณศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (งานพัฒนาด้านป่าไม้) อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 จ.นครราชสีมา และคณะ ได้เดินทางมากราบนมัสการพระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบุกรุกป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา ที่ถูกนายทุนอิทธิพล และคนมีสีเข้าบุกรุกยึดครองกว่า 3,400 ไร่ โดยมี นายยอด ใจมนต์ แกนนำชาวบ้าน และกลุ่มชาวบ้านเขาแดงที่เป็นนักอนุรักษ์ป่ามาร่วมให้ข้อมูลด้วย
พระสถิต กล่าวต่ออธิบดีกรมป่าไม้ว่า กลุ่มนายทุนอิทธิพลเข้าบุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลามาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2549 โดยได้เข้าทำการแผ้วถางป่าตัดไม้หวงห้ามไปขาย และเผาทำลายป่าแล้วปลูกพืชเศรษฐกิจทดแทนเพื่อเป็นการแสดงการยึดครองที่ดินจนเกือบเต็มพื้นที่ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา 3,400 ไร่ ซึ่งอาตมาขอให้อธิบดีกรมป่าไม้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้
1.ขอให้ดำเนินการตรวจจับผู้บุกรุกป่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรจับกุมแล้วก็หยุด
2.พวกที่ถูกจับกุมแล้วให้บังคับคดีออกจากพื้นที่ทันที
3.ผู้บุกรุกป่าที่เป็นผู้มีอิทธิพล และคนมีสี ขอให้ดำเนินการปราบปรามจับกุมอย่างเด็ดขาด
4.ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง
และ 5.ขอให้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจเข้าดำเนินการในพื้นที่จนกว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้
นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อรับทราบข้อมูล และให้กำลังใจแก่พระสถิต และชาวบ้านที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาอย่างจริงจัง ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ได้ช่วยกันเข้ามาดูแลรักษาป่า ตนขอยืนยันหลักการตามกฎหมายว่า ชาวบ้านที่เข้ามาอยู่ก่อน มติ ครม.เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 ทางราชการจะผ่อนผันให้ทำกินได้แต่ไม่ให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยไม่ให้มีการบุกรุกป่าเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิมอีก และหากชาวบ้านเข้าไปทำกินหลังจากวันที่ 30 มิ.ย.2541 แล้ว จะไม่ได้รับการผ่อนผันแต่อย่างใด
“การแก้ไขปัญหาป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลานี้จะต้องร่วมกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายอำเภอภูสิงห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตพื้นที่ และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา เจ้าหน้าที่ป่าไม้กับชาวบ้านจะไม่ให้เป็นศัตรูกันอย่างเด็ดขาด แต่คนที่ทำผิดกฎหมายต้องทำการจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” นายบุญชอบกล่าว
นายบุญชอบ กล่าวต่อว่า ตนได้หารือเรื่องนี้กับ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษแล้ว เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ซึ่งได้ขอให้ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษช่วยดูแลแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลานั้นหากเป็นชาวบ้านในพื้นที่ก็จะให้ทำกินได้ ขอให้เป็นหมู่บ้านใครหมู่บ้านมัน แต่ไม่ให้ชาวบ้านจากต่างถิ่นเข้ามาทำกินยึดครองเพราะจะเป็นการบุกรุกป่ามากขึ้นกว่าเดิม
“ขอประกาศยืนยันว่า จะเอาป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลากลับมาเป็นของชุมชน และของแผ่นดินให้ได้ และจะไปขอความมือกับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อขอกำลังทหารให้เข้ามาร่วมในการรักษาป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาด้วย”
ส่วนกรณีชาวบ้านนักอนุรักษ์ป่าทั้ง 32 คน ซึ่งเป็นพยานให้แก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และตำรวจป่าไม้เพื่อดำเนินคดีอาผิดกับนายทุนที่บุกรุกป่าครอบครองป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา และถูกกลุ่มนายทุนอิทธิพลกลั่นแกล้งฟ้องร้องดำเนินคดีกล่าวหาว่า หมิ่นประมาท และให้การเท็จนั้น ตนได้สั่งการให้นักกฎหมายของกรมป่าไม้เข้ามาให้การช่วยเหลือด้านคดีความอย่างเต็มที่แล้ว
“ขอฝากไปยังกลุ่มที่บุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาและบุกรุกป่าทั่วประเทศว่า ขอให้หยุดการกระทำ และถอนตัวออกมาจากป่าที่บุกรุกเข้าไปเสีย เพราะตนจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อเอาป่ากลับมาเป็นของแผ่นดินให้ได้โดยเร็ว” นายบุญชอบกล่าวในตอนท้าย