ศรีสะเกษ - พระนักเทศน์ชื่อดังศรีสะเกษ วอนคณะสงฆ์ออกมาช่วยกันอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ “ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา” อ.ภูสิงห์ ให้พ้นจากการบุกรุกของนายทุนอิทธิพล ชี้ป่ามีอยู่ฝนมาป่าไม่มีฝนไม่มา ขณะทหารเข้าพบพระนักอนุรักษ์ เตรียมส่งกำลังทหารเข้าไปตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อรักษาป่าต้นน้ำฝั่งซ้ายห้วยศาลา ขณะที่แก๊งฮุบป่าส่งคนคุกคามกดดันสำนักสงฆ์หนัก
วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีพระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นำหลักฐานกลุ่มนายทุนอิทธิ ผู้นำชุมชน และคนมีสี บุกรุกยึดครองป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา ต.โคกตาล ซึ่งเป็นป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เป็นบริเวณกว้างกว่า 3,400 ไร่ ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ด จนถูกคุกคามข่มขู่เอาชีวิต ตามที่นำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด ที่สำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พระสถิต มหาเตโช เจ้าสำนักสงฆ์เขื่อนบ้านศาลา กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ได้มีคณะนายทหาร 3 นายจากศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้ามาพบและได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการบุกรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลาว่ามีการบุกรุกอย่างไรที่ใดบ้าง มีนายทุนอิทธิพลจำนวนกี่กลุ่ม กลุ่มใดบ้าง ทั้งนี้เนื่องจากทหารมีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับนายทุนอิทธิพลที่เข้ามาบุกรุกป่าต้นน้ำฝั่งซ้ายห้วยศาลาอยู่แล้ว
รวมทั้งสอบถามว่าการที่ศาลได้มีการออกหมายจับนายทุนที่ฉ้อโกงเงินจากนักการเมืองภาคตะวันออก เพื่อมาซื้อที่ดินป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลามีความเป็นมาอย่างไร และต้องการให้ทหารช่วยอย่างไรบ้าง โดยจะให้ทหารตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อป้องกันรักษาป่าที่บริเวณจุดใดบ้าง ซึ่งทหารทั้ง 3 นายจะได้นำเอาข้อมูลทั้งหมดไปรายงานให้หน่วยเหนือได้รับทราบ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการส่งทหารมาตั้งฐานปฏิบัติการป้องกันกันบุกรุกป่าบริเวณนี้อย่างเร่งด่วนต่อไป ซึ่งได้มอบให้นายยอด ใจมนต์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกตาล เป็นผู้ให้ข้อมูลทั้งหมดกับคณะนายทหารทั้ง 3 นายเรียบร้อยแล้ว
พระสถิตกล่าวต่อว่า ขณะนี้กลุ่มนายทุนอิทธิพลมีความพยายามจะผลักดันให้ทางสำนักสงฆ์ออกไปจากผืนป่าแห่งนี้ให้ได้ โดยทั้งกลางวันและกลางคืนส่งคนมาวนเวียนก่อกวนและตรวจสอบทุกคนที่เดินทางเข้ามาบริเวณสำนักสงฆ์แห่งนี้ แต่หากเห็นว่าเป็นทหารและตำรวจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้และ อส.พวกกลุ่มนายทุนจะไม่กล้าเข้าไปกดดันข่มขู่ เนื่องจากเกรงถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
อีกทั้งได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ภูสิงห์ ได้เข้ามาสอบถามข้อมูลว่าการที่มีข่าวว่ามีคนมีสีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการรุกป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลานั้นอยากขอข้อมูลว่าเป็นใคร ซึ่งได้แจ้งให้ทราบว่าขอให้ไปตรวจสอบจากกลุ่มชาวบ้านที่รุกป่าว่ามีคนมีสีคนใดบ้างที่หนุนหลัง ทำให้นายทุนพากันเหิมเกริมรุกป่าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด
ด้านพระครูวิมลธรรมรัตน์ หรือหลวงพ่อบุญเสริม เจ้าอาวาสวัดกัทลิวัน ต.สวนกล้วย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพระนักเทศน์ชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ดีใจที่มีพระเข้าไปอนุรักษ์ป้องกันรักษาป่า เพราะในหลวงและราชินีให้มีการปลูกป่า ป่าเป็นปัจจัยสำคัญของประเทศชาติ ปัจจัยเหล่านี้หากเป็นพระออกมาอนุรักษ์ป่า อนุโมทนาสรรเสริญด้วย ที่พระเห็นความสำคัญของป่าไม้ เพราะไม้พะยูงมีราคาแพง พวกที่โลภเกินไปเห็นแก่ได้ ไม่เข้าใจว่าป่า น้ำ มีความสำคัญมากเพียงใด ถ้าป่ามีอยู่ ฝนก็มา ถ้าป่าไม่มี ฝนก็ไม่มา การอนุรักษ์ป่าจึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องมาก ขออนุโมทนาพระที่ทำหน้าที่นี้ ขอให้ปลอดภัยและชนะมารเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง
“อาตมาขอเรียกร้องให้คณะสงฆ์ทั้ง จ.ศรีสะเกษ ได้ออกมาเคลื่อนไหวร่วมกันอนุรักษ์ป่าไม้และต้นไม้ ร่วมกับประชาชนชาวศรีสะเกษทุกคนด้วย เพื่อจะได้ทำให้ป่าต้นน้ำฝั่งซ้ายห้วยศาลา อ.ภูสิงห์ แห่งนี้อยู่คู่ จ.ศรีสะเกษ และเป็นสมบัติของแผ่นดินไทยตลอดไป” หลวงพ่อบุญเสริมกล่าว