ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “หลวงพ่อคูณ” อาการอาพาธทรงตัว ยังไม่ดีขึ้น ปอดยังอักเสบ มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย มีเสมหะมาก และความดันโลหิตมีแนวโน้มค่อนข้างสูง ส่วนผลการเจาะตรวจน้ำในช่องปอดไม่พบเป็นหนอง แต่ต้องรอผลเพาะเชื้อในห้องแล็บอีก 3 วัน ทีมแพทย์ยันยึดแนวทางเดิมรักษา และเพิ่มยาตัวใหม่ให้ครอบคลุมเชื้อกว้างขึ้น รอให้ครบกำหนด 1 สัปดาห์ศุกร์นี้ จึงจะประเมินผลการรักษาอีกครั้ง ระบุไม่จำเป็นต้องย้ายไปรักษาที่ รพ.ศิริราช
วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ด้วยภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นวันที่ 6 หลังถูกส่งเข้ารักษาโรงพยาบาลเป็นการด่วน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุด หลวงพ่อคูณยังอ่อนเพลีย มีเสมหะมาก และนอนหลับตาอยู่ตลอดเวลา อาการโดยรวมทรงตัวไม่ดีขึ้น มีไข้ต่ำ คณะแพทย์ยังเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
ส่วนบริเวณหน้าห้องผู้ป่วยหลวงพ่อคูณ ยังคงมีประชาชน ศิษยานุศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เดินทางมาลงนามในสมุดเยี่ยมต่อเนื่อง พร้อมนำดอกไม้มากราบนมัสการในจุดที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ ขณะที่ด้านหน้าประตูห้องผู้ป่วย มีเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าเวรคอยเฝ้าไข้ตลอด 24 ชั่วโมง
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า ประเมินอาการหลวงพ่อคูณจนถึงขณะนี้ยังทรงตัว อ่อนเพลีย มีเสลด และเสมหะมาก มีไข้ต่ำประมาณ 38 องศาเซลเซียส ความดันโลหิตมีแนวโน้มค่อนข้างสูง ปอดยังอักเสบแต่มีน้ำน้อยลง
ส่วนผลการตรวจน้ำในช่องปอดด้านขวา ที่เจาะเมื่อวานนี้ไป 20 ซีซี เบื้องต้นไม่พบลักษณะที่เป็นหนอง และยังไม่มีการเจาะปอดเพิ่มเติม เนื่องจากผลการเอกซเรย์น้ำในช่องปอดล่าสุดลดลงแล้ว ส่วนผลการเพาะเชื้อในห้องปฎิบัติการต้องรออีก 3 วัน จึงจะทราบผล
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า แนวทางการรักษา คณะแพทย์ยังยึดแนวทางเดิมในการรักษา โดยให้ยาขยายหลอดลม พร้อมฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าทางหลอดเลือดดำต่อเนื่อง และได้เพิ่มยาบางตัวเข้าไปตั้งแต่เมื่อวานนี้เพื่อให้ครอบคลุมเชื้อได้กว้างขึ้น ซึ่งหลวงพ่อให้ความร่วมมือ และตอบสนองต่อการรักษาได้ค่อนข้างดี แต่เนื่องจากท่านอายุมาก และมีโรคประจำตัวหลายอย่าง โดยเฉพาะถุงลมโป่งพอง และเนื้อปอดไม่ปกติจากวัณโรคที่เคยเป็นมาก่อน ประกอบกับท่านอายุมากแล้ว การตอบสนองการรักษาก็จะช้ากว่าคนปกติทั่วไป
“ฉะนั้น คณะแพทย์จึงต้องขอดูอาการใน 1 สัปดาห์นี้ก่อน โดยการให้ยาฆ่าเชื้อจะครบกำหนดในวันศุกร์ที่ 7 ธ.ค.นี้ จากนั้นจะมีการประเมินผลการรักษาอีกครั้ง ขณะนี้พยายามติดตามดูเรื่องการดื้อยาอยู่ เบื้องต้นยังไม่พบ” นพ.พินิศจัยกล่าว
สำหรับภาวะแทรกซ้อนในอวัยวะอื่นๆ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบ มีเพียงปอดเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง และช่วง 1 สัปดาห์แรกนี้ถือว่าท่านอยู่ในภาวะวิกฤตที่จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษต่อไป และให้งดเยี่ยมต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี และตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องย้ายท่านเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ แต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมา ทางอาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาลศิริราชได้ให้คำปรึกษาที่ดีแก่ทีมแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ที่ให้การรักษามาโดยตลอด