xs
xsm
sm
md
lg

อาการ “พ่อคูณ” ทรงตัว ปอดยังอักเสบ ปัสสาวะไม่ได้-เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่  พักรักษาอาพาธ ที่ รพ.มหาราชโคราช เป็นวันที่  5 แพทย์ระบุอาการทรงตัว มีไข้ต่ำ ปอดยังอักเสบทั้ง 2 ข้าง เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว และปัสสาวะได้ไม่ดีต้องใส่สายสวนปัสสาวะ  วันนี้ ( 3 ธ.ค.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา -“หลวงพ่อคูณ” พักรักษา รพ.มหาราชโคราช เป็นวันที่ 5 แพทย์ระบุอาการทรงตัว มีไข้ต่ำ ปอดยังอักเสบทั้ง 2 ข้าง เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว และปัสสาวะได้ไม่ดีต้องใส่สายสวนปัสสาวะตลอดเวลา ล่าสุดนำเครื่องเอกซเรย์ปอดเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง พร้อมเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิดในช่วงวิกฤต และงดเยี่ยมเด็ดขาด

วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นวันที่ 5 หลังถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดอาการโดยรวมยังทรงตัว มีไข้ต่ำ แพทย์ยังเฝ้าติดตามอาการใกล้ชิด

นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า โดยภาพรวม วันนี้ (3 ธ.ค.) อาการหลวงพ่อคูณทรงตัวคล้ายเมื่อวาน มีไข้ต่ำประมาณ 37.5-38 องศาเซลเซียส ปอดยังอักเสบ ซึ่งเมื่อเช้านี้เจ้าหน้าที่พยาบาลได้นำเครื่องเอกซเรย์ปอดเข้าไปตรวจอีกครั้ง ซึ่งผลการตรวจคาดว่าน่าจะทราบผลในช่วงสายวันนี้ ขณะนี้ทีมแพทย์ยังเฝ้าติดตามภาวะแทรกซ้อนอวัยวะอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างใกล้ชิด และให้งดเยี่ยมเด็ดขาดเหมือนเดิม

ด้าน นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมโรคปอด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา หนึ่งในทีมแพทย์รักษาอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า วันนี้สภาพปอดของหลวงพ่อคูณยังมีการอักเสบทั้ง 2 ข้าง และมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว และปัสสาวะได้ไม่ค่อยดี ต้องใส่สายสวนปัสสาวะให้ท่านตลอดเวลา อาจจะเป็นผลข้างเคียงของยาฆ่าเชื้อที่ให้ไปก็ได้

ส่วนการรักษาได้พยายามดูดเสมหะที่ยังมีออกมากออกมาให้ได้มากที่สุด และให้ยาขยายหลอดลม พร้อมฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าทางหลอดเลือดดำต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอให้ครบกำหนดการให้ยาประมาณ 7-14 วันนับตั้งแต่วันแรกที่ท่านเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาล จึงจะทราบผลที่แน่ชัดของยาที่ให้ไปว่ามีผลเป็นที่น่าพอใจหรือไม่

“สิ่งที่เป็นห่วงในช่วงนี้คือภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายอ่อนแอระบบอื่นๆ ของร่างกายจะรวนไปด้วย ประกอบกับหลวงพ่อมีโรคประจำตัวหลายอย่างและอายุมากแล้ว จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ” นพ.อนุชิตกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น