ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตร.โคราช บุกจับแชร์ลูกโซ่น้ำหอมกลางเมืองโคราช หลังดีเอสไอรวบบริษัทใหญ่ที่กรุงเทพฯ ไปแล้ว พบกำลังล้างสมองเครือข่ายเพื่อชักจูงมาทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่กว่า 200 ราย ส่วนบริษัทสาขาฯ ไหวตัวทันปิดประตูหนีก่อนตำรวจเข้าตรวจค้น ด้านรองผู้การฯ โคราชระบุ สมาชิกถือเป็นผู้เสียหายพร้อมนัดหมายให้นำเอกสารหลักฐานมาแจ้งความที่ สภ.เมืองโคราชเพื่อเรียกเงินคืนจากบริษัทแม่วันพรุ่งนี้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (13 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ทั้งใน และนอกเครื่องแบบกว่า 20 คน นำโดย พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้นำหมายศาลจังหวัดนครราชสีมา เข้าทำการตรวจค้นบริษัท ดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด (DCHL group) สาขานครราชสีมา ตั้งอยู่อาคารราชสีมาเซ็นเตอร์ ถ.มนัส อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบเพียงสำนักงานปิดอยู่ และมีสินค้าอยู่ภายในจำนวนมาก แต่ไม่มีพนักงานอยู่ในบริษัทแต่อย่างใด และมีรายงานแจ้งว่ามีการประชุมเครือข่ายอยู่ที่ อาคารแพลททินั่ม ซิตี้ ถ.สุรนารายณ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่อาคารแพลททินั่ม ซิตี้ ดังกล่าว พบมีการประชุมเครือข่ายอยู่กว่า 200 คน และทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น ซึ่งนายไพศาล ไฝ่เมตตา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 7 ต.หนองรี อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี แสดงตัวว่าเป็นวิทยากรในการบรรยายแผนการทำธุรกิจของบริษัทฯ ดังกล่าว และเรียกสมาชิกประชุมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวสินค้าน้ำมันหอมระเหย และแผนการทำธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้
นายไพศาล ไฝ่เมตตา วิทยากรที่ชักชวนเครือข่ายมาทำธุรกิจแชร์น้ำหอม เปิดเผยว่า ตนสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทดังกล่าวครั้งแรกราคา 12,300 บาท ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยมาใช้ และเมื่อใช้แล้วเห็นว่าผลิตภัณฑ์ดี จึงอยากทำธุรกิจลงทุนอีกกว่า 2 แสนบาทเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ และได้ทำธุรกิจตามแผนของบริษัทเมื่อ 1 ปีที่แล้ว จากนั้นได้ทำธุรกิจโดยขยายเครือข่ายจากญาติพี่น้องด้วยการแนะนำให้ใช้สินค้า และทำธุรกิจเหมือนตน และตนได้ผลตอบแทนจากการที่เครือข่ายซื้อสินค้าและทำธุรกิจ ซึ่งรายได้เฉลี่ย 50,000-100,000 บาท การแนะนำไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง แต่เห็นว่ามีผลตอบแทนที่สูงจึงได้ตัดสินใจทำ และไม่ทราบว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย จนกระทั่งทราบข่าวว่าบริษัทแม่ที่กรุงเทพฯ ถูกจับกุม วันนี้จึงได้เรียกเครือข่ายมาหารือกัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาตรวจค้นดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้แจ้งให้แก่สมาชิกของบริษัทฯ ที่เดินทางมาในวันนี้ว่า ทุกคนเป็นผู้เสียหาย และตำรวจดำเนินการขยายผลการจับกุมเครือข่ายในพื้นที่หลังดีเอสไอเข้าจับกุมผู้บริหารที่กรุงเทพฯ ไปแล้ว พร้อมประวัติเบื้องต้นของทุกคนไว้ก่อน และในวันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ขอให้ทุกคนนำเอกสารหลักฐานที่ได้สมัครซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการเรียกคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายต่อไป แต่หากใครยังดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปจะถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เข้าทำการจับกุมผู้บริหารบริษัท ดี. ซี.เอช.แอล กรุ๊ป จำกัด (DCHL group) ตั้งอยู่ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยบริษัทดังกล่าวได้เปิดเป็นบริษัทผลิต และจำหน่ายน้ำหอมระเหย โดยวิธีการหลอกให้นำเงินมาลงทุน ด้วยการหลอกให้หลงเชื่อ โฆษณาเชิญชวนว่าได้ดอกผลที่ตอบแทนจากการลงทุนเกินจริง หรือฉ้อโกงประชาชนด้วยจิตวิทยาหมู่ ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 70 คน เข้าร้องเรียนว่า บริษัทดังกล่าวหลอกให้นำเงินมาลงทุน ซึ่งเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาตัวการใหญ่ 3 รายว่า ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 และมาตรา 5 มาตรา 12 และ 15 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83