นครศรีธรรมราช - ชุดเฉพาะกิจ ผวจ.นครศรีฯ ตามล่าไม้ซุงเถื่อนขนาดใหญ่ปริมาตรกว่า 30 ลบ.ม. ของกลางหลังหายไปจากจุดตรวจยึด พบถูกขนย้ายไปแปรรูปที่ “บริษัทแบไรท์ไมนิ่ง” อ้างจะนำไปสร้างวัด-ร.ร. คาดเจ้าหน้าที่รัฐอย่างน้อย 3 นายมีส่วนรู้เห็น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (11 ต.ค.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาตินครศรีธรรมราช นำโดยนายศุภโชค พราหมณ์พูน หัวหน้าชุดปฏิบัติการ นายวิศิษฐ์ ชิตรักษา หัวหน้างานหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นศ.9 (ขนอม) เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน กก.ตชด.42 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอนบพิตำ เข้าสืบสวนติดตามไม้ซุงไข่เขียวขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นไม้ของกลางจำนวน 5 ท่อน 10 ชิ้น โดยเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ขนาดใหญ่รวมปริมาตรกว่า 30.97 ลบ.ม.
ทั้งนี้ เป็นไม้ของกลางที่ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อสืบหาตัวผู้ที่ลักลอบตัดโค่น โดยเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากรุงชิง หมู่ที่ 8 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2555 และพบว่า ไม้ซุงดังกล่าวได้ถูกโจรกรรมไปจากจุดเกิดเหตุทั้งหมด ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุแค่เศษไม้ที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปได้ โดยติดตามตรวจยึด และจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ามีร่องรอยการใช้เครื่องกลหนักบุกเบิกเข้าไปทำเส้นทางไปตามไหล่เขา และขุดเอาตอไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นต้นเดียวกันกับของกลางพาหายไปด้วย ซึ่งการสืบสวนนั้นพบว่า ไม้ทั้งหมดที่ถูกตีตรา และถูกยึดไว้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนั้นได้ถูกเคลื่อนย้ายไปแปรรูปบริเวณลานบริษัทแบไรท์ไมนิ่ง ม.8 ต.กรุงชิง โดยใช้เครื่องจักรของบริษัท โดยอยู่ห่างจากจุดที่ลักลอบโค่น และเจ้าหน้าที่ตรวจยึดไม้ไม่มากนัก รวมทั้งพบร่องรอยเครื่องจักรมาจากถนนเส้นทางดังกล่าวด้วย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบถึงกับตกตะลึง เมื่อพบว่าไม้ซุงทั้งหมดได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังลานบริษัท โดยทำเป็นลานหมอนไม้ซุง และแปรรูปไม้เต็มลาน นอกจากนี้ มีการแปรรูปไม้แผ่นขนาดใหญ่อีกเป็นจำนวนมาก เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการตีตราบริเวณหน้าตัดไม้ซุงพบว่ามีการตีตราของเจ้าหน้าที่ครบตามจำนวนที่ถูกยึดไว้ และยังพบไม้ตะเคียน และไม้ไข่เขียว ที่อยู่นอกการตรวจยึดอีกหลายรายการ เจ้าหน้าที่จึงทำการตีตราตรวจยึดไม้ทั้งหมด
ส่วนของกลางที่ถูกเคลื่อนย้ายนำมายังลานไม้ของบริษัทนั้น ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า บางส่วนได้ถูกทำลายหลักฐานด้วยการปาดหน้าไม้ที่เจ้าหน้าที่ตีตราออกไปแล้วเลื่อยแปรรูป และตลอดเวลาที่เจ้าหน้าที่รวมทั้งผู้สื่อข่าวตรวจสอบอยู่นั้น พนักงานของบริษัทรายหนึ่งได้ใช้กล้องบันทึกภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา
ขณะที่นายภคพล ดำรงฉายายน ในฐานะที่ปรึกษาบริษัทดังกล่าวที่มารับหน้าเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว เปิดเผยว่า ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกด้าน ในส่วนของไม้ทั้งหมดนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะนำมาแปรรูปเพื่อทำธุรกิจแต่อย่างใด แต่ที่นำมานั้นเพื่อแปรรูปนำไปใช้ในการสาธารณประโยชน์ เช่น วัด และโรงเรียนในพื้นที่เท่านั้น
นายศุภโชค พราหมณ์พูน หัวหน้าชุดเฉพาะกิจระบุว่า การลักลอบโจรกรรมไม้ของกลางจำนวนนี้ทำกันเป็นขบวนการ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน คอยอำนวยการในการโจรกรรมไม้ของกลางจำนวนนี้ โดยมีผู้นำท้องที่บางรายเป็นคนคอยประสานงาน และมีการลักลอบแปรรูปไม้เถื่อนส่งขายเป็นขบวนการใหญ่ ทั้งหมดได้ถูกรายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชทราบแล้ว เพื่อดำเนินการกับคนพวกนี้
“เราได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่พบเห็นว่าเมื่อ 2 คืนก่อน พบว่ามีการขนย้ายไม้ที่แปรรูปออกไปแล้วจำนวนมาก มีการนำไม้เข้ามาแปรรูปกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ส่วนการดำเนินคดีนั้นในส่วนไม้ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึด และถูกโจรกรรมมาแปรรูปในหมอนไม้ด้านหลังบริษัทเหมืองแร่ ผู้ที่รับผิดชอบบริษัทจะถูกแจ้งข้อหาลักไม้ของกลางที่เป็นทรัพย์สินของทางราชการที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ส่วนไม้นอกบัญชีนั้น จะถูกแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฐานลักลอบตัดโค่น และแปรรูปไม้หวงห้ามประเภท ก.โดยไม่ได้รับอนุญาต และจะได้สืบสวนขยายผลโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนรู้เห็นมาดำเนินการตามกฎหมายกันต่อไป” หัวหน้าชุดเฉพาะกิจกล่าว