ASTVผู้จัดการรายวัน - "ดีเอสไอ"หอบสำนวนคดีโรงพักทดแทน ส่ง ป.ป.ช. พบ"อภิสิทธิ์" เข้าข่าย 157 ฝ่าฝืนมติครม. ส่วน "สุเทพ" โดน 2 ข้อหาดีเอสไอส่งสำนวนโรงพักให้ "ปปช." แล้ว เอาผิด 2 ข้อหา "ฮั้ว-ละเว้นปฏิบัติหน้าที่" เล่นงาน "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ด้าน "ปทีป" รอด น่าเชื่อการเมืองแทรกสั่งการ สตช.เร่งรัดก่อสร้างโรงพักทดแทน
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ในวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้นำสรุปสำนวนการสอบสวนคดีโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ(ทดแทน) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ไปส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อแล้ว เนื่องจากการสอบสวนของดีเอสไอพบว่า มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าข่ายกระทำความผิดคดี จึงอยู่นอกเหนืออำนาจสอบสวนของดีเอสไอ
โดยดีเอสไอได้สรุปสำนวนออกเป็น 2 ข้อหา คือ 1 .การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 157 และประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งพบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสตช. เข้าข่ายกระทำความผิดจากการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่กำหนดประมูลแยกเป็นรายภาคเปลี่ยนเป็นการประมูลแบบรวมศูนย์สัญญาเดียว
ส่วนที่ 2.เป็นคดีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล มาตรา 11 , 12 และ 13 ซึ่งในส่วนนี้มีนายสุเทพเข้าข่ายกระทำผิดเพียงคนเดียว ส่วนพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่มีบทบาทในการเสนอยกเลิกและเปลี่ยนรูปแบบเป็นการประมูลแบบรวมสัญญา ดีเอสไอ เห็นว่า กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการสั่งการจากฝ่ายการเมืองจึงไม่ได้เข้าข่ายการกระทำความผิด
นายธาริต กล่าวต่อว่า สำหรับสำนวนที่ดีเอสไอส่งให้ป.ป.ช.พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนนั้นสำนวนการสอบสวนประกอบด้วย พยานเอกสารและคำให้การของบุคคลจำนวน 3แฟ้ม และการสรุปความเห็นของพนักงานสอบสวนจำนวน 30 หน้า
**สำนวนตร.ระบุPCCฉ้อโกง
นายธาริต กล่าวกรณีการฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง นั้น พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษเฉพาะทาง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวนมีหลักฐานชัดเจน ว่า บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทำผิดฐานฉ้อโกง โดยการไปว่าจ้างผู้รับเหมาช่วงให้ดำเนินการก่อสร้าง ที่ก่อนหน้านั้นพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือเชิญให้ตัวแทนบริษัทดังกล่าว มารับทราบข้อหาในวันที่ 15 มีนาคม นั้น ทางบริษัท พีซีซี ได้ทำหนังสือแจ้งมาว่า จะขอเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนในวันที่ 7 มีนาคม นี้ เวลา 09.30 น. ดังนั้นทางพนักงานสอบสวนอาจจะทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบภายในวันดังกล่าว
**สตช.เร่งรัดก่อสร้างโรงพักทดแทน
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้า คดีโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ว่า ขณะนี้มีสถานีตำรวจที่รื้อแล้วทั้งหมด 89 สถานีและที่ยังไม่รื้อ 309 สถานี ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการพลต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.รับผิดชอบเร่งรัดคดี ทั้งนี้ในเรื่องของสัญญาและการก่อสร้างใหม่ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ประเมินราคากลางก่อสร้างผ่านทางวิศวกรผู้ตรวจสอบและดำเนินการทำสัญญาและก่อสร้าง โดยโรงพักขนาดใหญ่ให้ก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 390 วัน โรงพักขนาดกลาง 360 วัน และโรงพักขนาดเล็ก 330 วัน
อย่างไรก็ตาม ทางผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้จัดสถานีตำรวจชั่วคราวไว้ในสถานที่เดียวกัน ให้มีการจัดภูมิทัศน์ที่เหมาะสม รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตนที่ดีต่อประชาชนอีกด้วย
**ตำรวจสูงเนินระดมกำลังสร้างโรงพัก
ส่วนที่ผบ.ตร. ตรวจสอบสถานีตำรวจภูธรสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ที่ถูกทุบทำลาย โดยตำรวจใช้สภ.กุดจิก อ.สูงเนิน ปฏิบัติงานชั่วคราว
พ.ต.ท.ภูไท เชาว์สูงเนิน รอง ผกก.สภ.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรว สภ.สูงเนิน และอาสาตำรวจบ้าน ช่วยกันนำจอบและเสียม ขุดหลุม ปรับหน้าดินเตรียมตั้งเสาก่อสร้างโรงพัก ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างนำไม้สำหรับทำขอบหน้าต่าง และวงกบประตูมาบริจาค คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด 90 วัน
ด้าน พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ความคืบหน้าสถานีตำรวจที่ถูกทุบทำลาย 3 แห่ง และผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน 6 แห่ง รวม 9 แห่ง สำหรับสภ.ที่ถูกทุบทำลาย ได้รับงบประมาณเยียวยา สภ.ละ 3 แสนบาท และ สภ.ที่ถูกทิ้งงานได้ สภ.ละ 1 แสนบาท จากนี้แต่ละแห่งจะได้เร่งมือต่อเติม ซ่อมแซมและปรับภูมิทัศน์ คาดแล้วเสร็จภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 56 ทางภูธรจังหวัดสั่งการให้รองผู้บังคับการตำรวจภูธร ลงพื้นที่ดูแลติดตามการก่อสร้าง สำหรับ สภ. 2 แห่ง คือ สภ.กระชอน อ.พิมาย และ สภ.บ้านหัน อ.สีคิ้ว ขณะนี้ มีความคืบหน้าในการก่อสร้างร้อยละ 40
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ในวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้นำสรุปสำนวนการสอบสวนคดีโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ(ทดแทน) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ไปส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อแล้ว เนื่องจากการสอบสวนของดีเอสไอพบว่า มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าข่ายกระทำความผิดคดี จึงอยู่นอกเหนืออำนาจสอบสวนของดีเอสไอ
โดยดีเอสไอได้สรุปสำนวนออกเป็น 2 ข้อหา คือ 1 .การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 157 และประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งพบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสตช. เข้าข่ายกระทำความผิดจากการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่กำหนดประมูลแยกเป็นรายภาคเปลี่ยนเป็นการประมูลแบบรวมศูนย์สัญญาเดียว
ส่วนที่ 2.เป็นคดีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล มาตรา 11 , 12 และ 13 ซึ่งในส่วนนี้มีนายสุเทพเข้าข่ายกระทำผิดเพียงคนเดียว ส่วนพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่มีบทบาทในการเสนอยกเลิกและเปลี่ยนรูปแบบเป็นการประมูลแบบรวมสัญญา ดีเอสไอ เห็นว่า กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการสั่งการจากฝ่ายการเมืองจึงไม่ได้เข้าข่ายการกระทำความผิด
นายธาริต กล่าวต่อว่า สำหรับสำนวนที่ดีเอสไอส่งให้ป.ป.ช.พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนนั้นสำนวนการสอบสวนประกอบด้วย พยานเอกสารและคำให้การของบุคคลจำนวน 3แฟ้ม และการสรุปความเห็นของพนักงานสอบสวนจำนวน 30 หน้า
**สำนวนตร.ระบุPCCฉ้อโกง
นายธาริต กล่าวกรณีการฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง นั้น พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษเฉพาะทาง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวนมีหลักฐานชัดเจน ว่า บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทำผิดฐานฉ้อโกง โดยการไปว่าจ้างผู้รับเหมาช่วงให้ดำเนินการก่อสร้าง ที่ก่อนหน้านั้นพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือเชิญให้ตัวแทนบริษัทดังกล่าว มารับทราบข้อหาในวันที่ 15 มีนาคม นั้น ทางบริษัท พีซีซี ได้ทำหนังสือแจ้งมาว่า จะขอเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนในวันที่ 7 มีนาคม นี้ เวลา 09.30 น. ดังนั้นทางพนักงานสอบสวนอาจจะทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบภายในวันดังกล่าว
**สตช.เร่งรัดก่อสร้างโรงพักทดแทน
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้า คดีโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน ว่า ขณะนี้มีสถานีตำรวจที่รื้อแล้วทั้งหมด 89 สถานีและที่ยังไม่รื้อ 309 สถานี ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการพลต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.รับผิดชอบเร่งรัดคดี ทั้งนี้ในเรื่องของสัญญาและการก่อสร้างใหม่ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ประเมินราคากลางก่อสร้างผ่านทางวิศวกรผู้ตรวจสอบและดำเนินการทำสัญญาและก่อสร้าง โดยโรงพักขนาดใหญ่ให้ก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 390 วัน โรงพักขนาดกลาง 360 วัน และโรงพักขนาดเล็ก 330 วัน
อย่างไรก็ตาม ทางผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้จัดสถานีตำรวจชั่วคราวไว้ในสถานที่เดียวกัน ให้มีการจัดภูมิทัศน์ที่เหมาะสม รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตนที่ดีต่อประชาชนอีกด้วย
**ตำรวจสูงเนินระดมกำลังสร้างโรงพัก
ส่วนที่ผบ.ตร. ตรวจสอบสถานีตำรวจภูธรสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ที่ถูกทุบทำลาย โดยตำรวจใช้สภ.กุดจิก อ.สูงเนิน ปฏิบัติงานชั่วคราว
พ.ต.ท.ภูไท เชาว์สูงเนิน รอง ผกก.สภ.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรว สภ.สูงเนิน และอาสาตำรวจบ้าน ช่วยกันนำจอบและเสียม ขุดหลุม ปรับหน้าดินเตรียมตั้งเสาก่อสร้างโรงพัก ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างนำไม้สำหรับทำขอบหน้าต่าง และวงกบประตูมาบริจาค คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด 90 วัน
ด้าน พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ความคืบหน้าสถานีตำรวจที่ถูกทุบทำลาย 3 แห่ง และผู้รับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน 6 แห่ง รวม 9 แห่ง สำหรับสภ.ที่ถูกทุบทำลาย ได้รับงบประมาณเยียวยา สภ.ละ 3 แสนบาท และ สภ.ที่ถูกทิ้งงานได้ สภ.ละ 1 แสนบาท จากนี้แต่ละแห่งจะได้เร่งมือต่อเติม ซ่อมแซมและปรับภูมิทัศน์ คาดแล้วเสร็จภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 56 ทางภูธรจังหวัดสั่งการให้รองผู้บังคับการตำรวจภูธร ลงพื้นที่ดูแลติดตามการก่อสร้าง สำหรับ สภ. 2 แห่ง คือ สภ.กระชอน อ.พิมาย และ สภ.บ้านหัน อ.สีคิ้ว ขณะนี้ มีความคืบหน้าในการก่อสร้างร้อยละ 40