“บิ๊กอู๋” เรียกหัวหน้าสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่ง ประชุมถกปัญหาการก่อสร้างล่าช้า นิ่งไม่ตอบโต้กรณี “เสี่ยอ่าง” ออกมาประจาน สตช.ชี้ขอดูรายละเอียดก่อน สั่งตำรวจดูแล 5 ข้อประเมินการปรับปรุงภูมิทัศน์โรงพักและการทำงาน ด้านตำรวจครวญไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคนิครอคำปรึกษาจากวิศวกรในการจัดจ้างใหม่เป็นรายพื้นที่ คาดราว 1 ปี 6 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง โดยมี พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายอำนวยการของ ตร. รองผู้บัญชาการ (ผบช.) หน่วยที่รับผิดชอบงานบริหาร ผบก.ภ.จว.ที่ประสบปัญหา ผกก.อก.หัวหน้า สภ.ที่ประสบปัญหาทุกแห่ง รวม 650 นาย เข้าประชุม
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า วันนี้ได้ให้ทุกหน่วยมารับฟังแนวนโยบาย และให้หน่วยได้รายงานปัญหาตามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ทั้งการทิ้งงาน การเช่าช่วง โดยให้หัวหน้าสถานีตำรวจทุกแห่ง นำเอกสารมาให้ ซึ่งขณะนี้พบการจ้างช่วงมากพอสมควร วันนี้จะรวบรวมหลักฐาน และให้ผู้ปฏิบัติได้ทราบนโยบายของ ตร.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ภายหลัง ตร.ยกเลิกสัญญาแน่นอน หากภายในวันที่ 14 มีนาคม ผู้รับเหมาไม่สามารถส่งมอบงานได้ และการเช่าช่วงที่ทำให้ตร.เสียหาย และได้แจ้งถึงแผนที่จะดำเนินการต่อไปทั้งการจัดจ้างใหม่ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้เร็ว และนอกจากนี้แจ้งด้วยว่า ตร.กำลังดำเนินการตรวจสอบการทำสัญญา การใช้งบประมาณ โดย พล.ต.อ.เจตน์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษา (สบ1) และ สำนักงานตรวจสอบภายใน
“วันนี้ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วย ในการปรับปรุงสถานที่ในการทำงาน และจัดงบประมาณให้ 3 แสนบาท สำหรับโรงพักที่ถูกรื้อ 1 แสนบาท สำหรับโรงพักที่ยังไม่รื้อ ให้นำเงินไปจัดปรับปรุงที่ทำงาน วางระบบงาน ให้ทำงานได้ และอีก 3 เดือนก็จะประกวดแข่งขันกันรายภูมิภาค เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลง โดยมีการชี้วัด 5 ด้าน คือ 1.การจัดการ 2.การบริการประชาชน 3.ขวัญกำลังใจกำลังพล 4.ความสามารถในการควบคุมอาชญากรรมได้ 5. ประชาชนรัก ศรัทธา ในตัวผู้นำหน่วย” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวด้วยว่า การรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้คืบหน้าไปมาก หากคู่สัญญามีการฟ้องร้องกลับ ตร.ก็พร้อมสู้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถระบุค่าเสียหายที่จะฟ้องร้องได้ ส่วนกรณีการตรวจสอบในประเด็นการถูกฉ้อโกง ที่ชุดทำงานของ พล.ต.อ.เจตน์ ดำเนินการอยู่นั้นยังไม่สรุป ยังทำต่อ ขณะนี้ยังไม่ให้ความเห็นว่าจะร้องทุกข์กล่าวโทษในประเด็นที่ถูกฉ้อโกงหรือไม่ ต้องให้ข้อมูลชัดเจนเสียก่อน สำหรับการกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาติดป้ายประจานตำรวจนั้น ก็ต้องตรวจสอบเช่นกัน ส่วนที่วิจารณ์ว่ากรณีนี้ตำรวจทำสัญญาเสียเปรียบ ตนขอตรวจสอบให้ถึงที่สุดก่อนดีกว่า
ด้าน พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นรับฟังปัญหาจาก สภ.ต่างๆ พบว่า มีอุปสรรคเล็กน้อยในการตรวจสอบการก่อสร้างเพื่อประเมินราคาสำหรับการจัดจ้างใหม่ เนื่องจากตำรวจไม่มีความชำนาญ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากวิศวกร สถาปนิก ซึ่งยังติดขัดบ้าง อย่างไรก็ตามภายหลังสิ้นสุดสัญญาและยกลิกสัญญา คาดว่าใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปี 6 เดือน การสร้างโรงพักใหม่จะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ตร.ยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ ต้องรอดูส่วนต่างในการจัดซื้อจัดจ้างใหม่เสียก่อนจึงจะระบุได้ จากนั้นจึงจะดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่ง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการต้องเยียวยาโรงพักชั่วคราว ซึ่งจะนำไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งแก่คู้สัญญา
ต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับ ตร.ได้เข้าร่วมประชุมและกล่าวต่อที่ประชุมว่า เห็นใจ ตร.ทั้งที่โครงการนี้เป็นโครงการดี แต่ไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหาแบบนี้ ชื่นชม พล.ต.อ.อดุลย์ และ พล.ต.อ.วรพงษ์ ที่นำแก้ปัญหา หากจากนี้ ตร.ต้องการงบประมาณเพิ่มตนยินดีช่วยสนับสนุน จัดหาให้ และยืนยันตนจะไม่เข้าไปทำให้ ตร.แปดเปื้อนในการดำเนินการโครงการนี้ต่อแน่นอน