ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สถานการณ์น้ำเมืองหมอแคนน่าห่วง เหตุน้ำกักเก็บในเขื่อนใหญ่เหลือไม่ถึง 50% ทั้งไร้แววพายุเข้าแล้ว เผยเหลือน้ำใช้งานไม่ถึง 450 ล้านลูกบาศก์เมตร เฉพาะข้าวนาปรังแล้งนี้ต้องใช้น้ำถึง 500 ล้าน ลบ.ม. แนะจัดลำดับความสำคัญมุ่งใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคก่อน ด้านพ่อเมืองคนใหม่สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการใช้น้ำ ก่อนประชุมร่วมอีกครั้งปลายเดือนนี้
วันนี้ (9 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดขอนแก่น ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 3/2555 หลังได้รับรายงานสถานการณ์ระดับน้ำเก็บกักในเขื่อนอุบลรัตน์ไม่ถึง 50% ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งภาคการเกษตร ประมง รวมถึงการผลิตน้ำประปาเพื่ออุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนระบุว่า ความกดอากาศสูงเข้าปกคลุมพื้นที่อีสานตอนบนแล้ว ทำให้อากาศในภาคอีสานจะเย็นลงและมีหมอกในตอนเช้า แนวโน้มปริมาณฝนจะลดลงจนกระทั่งไม่มี จำเป็นที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำต้องบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะการระบายน้ำในระดับที่พอเหมาะ มุ่งความจำเป็นเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาสภาพแวดล้อมลำน้ำชีไม่ให้เน่าเสีย ตลอดจนแก้ปัญหาปลาในกระชังตาย
ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วทั้งภาคอีสานมีน้ำกักเก็บโดยรวมค่อนข้างน้อยโดยเฉลี่ยประมาณ 50% ของความจุทั้งหมด โดยเฉพาะเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณกักเก็บ 1,110.45 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 45.67% ของความจุทั้งหมด คิดเป็นน้ำใช้การได้เพียง 528.78 ล้าน ลบ.ม.หรือ 28.59% เท่านั้น ขณะที่แนวโน้มปริมาณฝนลดลง ซึ่งต้องใช้น้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง ปลูกข้าวนาปรัง การประมง และผลิตน้ำประปา
นายทรงยศ เจิดนภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยมาก ล่าสุดมีน้ำไหลเข้าแค่ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนต้องปล่อยน้ำวันละ 5 ล้าน ลบ.ม.รองรับความต้องการของเกษตรกรต้องใช้น้ำเลี้ยงข้าวนาปีที่กำลังตั้งท้องให้เติบโตจนสามารถเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งต้องส่งน้ำไม่น้อยกว่า 10 วัน รวมประมาณ 50 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งช่วงปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไปจะเหลือน้ำในเขื่อนประมาณ 450 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น
ที่น่าสนใจข้อมูลตัวเลขการทำนาปรังในพื้นที่ชลประทานท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ หากมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังเต็มพื้นที่จะต้องใช้น้ำสูงถึง 500 ล้าน ลบ.ม. ขณะเดียวกันความต้องการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์จะต้องจัดสรรไปเพื่อการประมง การผลิตน้ำประปาป้อนชาวจังหวัดขอนแก่น ซึ่งปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่นจึงไม่น่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้อย่างแน่นอน
โดยหารือว่าควรจะจัดสรรน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ไปใช้ในส่วนที่จำเป็นเพื่อการอุปโภค บริโภค ในการผลิตน้ำประปาก่อนทำเกษตรในช่วงหน้าแล้ง โดยการประปาส่วนภูมิภาคขอนแก่นต้องการใช้น้ำดิบวันละ 4 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งปริมาณน้ำในเขื่อนเพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาแน่นอน
แต่ปัญหาคือการส่งน้ำตามคลองส่งน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์มาที่ อ.เมืองขอนแก่น ระยะทางกว่า 50-60 กิโลเมตรนั้น ถูกชาวบ้านริมคลองน้ำสูบน้ำเข้าไปทำเกษตรในพื้นที่ของตนเอง จนทำให้น้ำดิบที่ส่งมาไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาได้ ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรน้ำต้องตระหนักในการจัดสรรน้ำ
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้สั่งการหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรน้ำ ทั้งเพื่อการปลูกข้าวนาปรัง การเกษตรฤดูแล้ง การเลี้ยงปลากระชัง หรือแม้แต่ผลิตน้ำประปา เช่น เกษตรจังหวัด การประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น ชลประทานขอนแก่น ฯลฯ ให้ไปจัดทำแผนการจัดสรรน้ำเฉพาะหน่วยงานของตนเอง และนำแผนดังกล่าวมาประชุมร่วมกันอีกครั้งภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้
