สบอช.เตือน 5-8 ต.ค.นี้พายุเข้า ฝนตกหนักทั้งภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ปริมณฑล ด้านเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ยังรองรับน้ำได้อีกมาก
ที่ศูนย์ปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (2 ต.ค.) นายพิพัฒน์ เรืองงาม (ผอ.สบอช.) แถลงสถานการณ์น้ำและอุทกภัยว่า ช่วงวันที่ 5-8 ต.ค. 55 นี้จะมีพายุเข้าสู่ประเทศไทย โดยวันที่ 5 ต.ค. 2555 จะมีฝนตกหนักทางภาคอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 6 ต.ค. 55 พายุจะเคลื่อนที่เข้าสู่ภาคตะวันออกที่ จ.สระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี และในวันที่7-8 ต.ค. 2555 พายุจะมีอิทธิพลเข้าสู่ภาคกลางและจะมีฝนตกหนักที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยทาง กทม.ก็จะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือแก้ไขกับปัญหาการจราจรที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการระบายน้ำ
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ในส่วนของเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ยังมีพื้นที่ว่างเพื่อรองรับน้ำรวมกันแล้ว 37% คือยังสามารถรับน้ำได้อีก 8,569 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 63% คาดว่าในช่วงปลายปีจะมีการกักเก็บน้ำไว้เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งได้ไม่ต่ำกว่า 80% หมายความว่า ทั้ง 2 เขื่อนนี้จะสามารถดูแลกักเก็บน้ำในลุ่มเจ้าพระยาได้อย่างดี ในพื้นที่ อ.บางระกำ ยังคงมีปริมาณน้ำสูงกว่าตลิ่งอยู่ที่ 1 เมตร 45 เซนติเมตร ถ้าไม่มีฝนมาเพิ่มจะสามารถลดปริมาณน้ำได้ถึงชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร
พื้นที่ อ.บางบาล ขณะนี้น้ำอยู่ที่ 10 เมตร 30 เซนติเมตร ล้นตลิ่งเล็กน้อย ด้านเขื่อนขุนด่านปราการชลทางกรมชลประทานได้ควบคุมการระบายน้ำอยู่ที่ 17 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีทำให้เขื่อนบางปะกงยังคงรองรับปริมาณน้ำที่จะมาจากจังหวัดปราจีนบุรีได้อย่างดี จากเดิมที่คาดการณ์ว่าน้ำที่จังหวัดปราจีนบุรีจะลดลงภายในวันที่ 1 พ.ย. 55 นั้นจะต้องยืดเวลาออกไปเนื่องจากกำลังจะเกิดพายุฝนขึ้นในวันที่ 5-8 ต.ค. 2555
นายพิพัฒน์กล่าวถึงภาพรวมของเขื่อนทั้งหมดในประเทศไทยว่า พบว่าขณะนี้เขื่อนทั้งหมดมีปริมาณน้ำที่น้อยกว่าปี 54 และมีปริมาณน้ำทั้งหมดรวมกัน 72% เก็บน้ำรวมได้ 50,347 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำนี้คาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาทางการเกษตรและภัยแล้งในปีนี้ได้อย่างเพียงพอ สำหรับการระบายน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา แม่น้ำปิง วังและน่าน อยู่ในภาวะปกติ เว้นแต่แม่น้ำยมในพื้นที่อำเภอบางระกำที่ยังคงมีระดับน้ำที่สูงกว่าตลิ่ง
