ผิดคิว! สาวใหญ่พิษณุโลกโวยกลางงาน “ปู-ทัวร์น้ำท่วม” ถูกรีดภาษี-ทั้งที่ฟาร์มถูกน้ำท่วมเจ๊ง

พิษณุโลก - นายกฯ ปู-ยิ่งลักษณ์ ประเดิมตรวจสถานีวัดน้ำ กลางเมืองพิษณุโลก ลุยเอาซีน “สะพานไม้พัง” จากน้ำหลาก ก่อนบุกโรงสี ส.ธนวัฒน์พืชผล ให้ชาวนาโชว์ขับรถบรรทุกข้าวผ่านขั้นตอนรับจำนำ แต่เจ้าของฟาร์มเป็ดโวย!! ต่อหน้า ร้องถูก อบต.รีดภาษี 8 หมื่น ทั้งๆ ฟาร์มเป็ดเจ๊ง ถูกน้ำท่วมสูญ 2 ล้าน โฆษก รบ.ตอบทันที เป็นเรื่องท้องถิ่นไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

เช้าวันนี้ (14 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางไปตรวจสถานีวัดระดับน้ำ N5A สถานีวัดระดับแม่น้ำน่านของกรมชลประทาน บริเวณเชิงสะพานเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ที่ระบุเส้นแสดงความปกติและความรุนแรงของระดับน้ำแม่น้ำน่าน ล่าสุดอยู่ระดับปานกลางที่ระดับ 4.85 เมตร ซึ่งจุดดังกล่าวติดตั้งกล้องวงจรปิดเชื่อมโยงกับสถานีวัดระดับน้ำทั่วประเทศ

โดยนายกรัฐมนตรีทดลองใช้โทรศัพท์มือถือเข้าไปที่ APP ของ WATER 4 THAI ของสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานสถานการณ์จากสถานีวัดน้ำ ที่ดูระดับน้ำจากกล้องวงจรปิด มีระบบการแจ้งเตือนภัย แต่สำหรับประชาชนทั่วไปไม่สามารถทำได้ง่ายนัก ต้องการรอแจ้งเตือนจากรัฐบาลเป็นหลัก

จากนั้นคณะของนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจสะพานไม้ข้ามคลองเมม ที่พังเสียหายเพราะการผันน้ำยมจาก จ.สุโขทัย ลงมาทางแม่น้ำยมสายเก่า ที่ ม.11 และ ม.12 ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และกองทัพภาคที่ 3 เร่งดำเนินการซ่อมแซมสะพานอย่างเร่งด่วน

ต่อมาจึงได้เดินทางไปตรวจสอบโรงสีข้าว ส.ธนวัฒน์พืชผล โดยมีชาวนาสาธิตขับรถบรรทุกข้าวเปลือกขึ้นเครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกข้าวเปลือกตามขั้นตอนรับจำนำข้าวเปลือก ยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อเข้าร่วมโครงการรับจำนำ พร้อมมีหนังสือรับรองเกษตรกร สุ่มเก็บตัวอย่างข้าวเปลือก ตรวจสอบความชื้นและสิ่งเจือปนของข้าวเปลือก จัดทำเอกสารใบรับฝาก ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมอบใบประทวนสินค้าให้แก่เกษตรกร อ.บางระกำ จ.พิษณุโลกจำนวน 10 ราย

ซึ่งครั้งนี้มีชาวนาบางระกำ 1 ใน 10 ราย ขายข้าวได้ราคาสูงสุด 12,600 บาทต่อตัน แต่ระหว่างที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์กล่าวกับชาวบางระกำที่นั่งอยู่เต็มเต็นท์ต้อนรับกว่า 500 คน ถึงข้อดีของการรับจำนาข้าวนั้น นางปราณี พูนสวัสดิ์ อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 106/1 หมู่ 1 ต.ปลักแรด อ.บางระกำ ได้ลุกขึ้นถามนายกฯว่า ตนเลี้ยงเป็ด น้ำท่วมเสียหายไป 2 ล้านบาท แต่ อบต.บึงระมาณ อ.บางระกำ ทำไมเก็บภาษีถึง 8 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเสียภาษีแค่ 1.8 หมื่นบาท ถามว่าทำไมเก็บภาษีแพงนัก

จนทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกฯ ต้องรับเข้าไปกันตัวออกไป จากนั้นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ปลักแรต รีบคว้าไมค์กล่าวชื่นชมว่าการรับจำนำข้าวดีกว่าการรับประกันข้าว
 
หลังจากนั้นนายกเทศมนตรีบึงระมาณ และนายกเทศมนตรีปลักแรด พร้อมนายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกรัฐบาล ต่างรีบมาสอบถามนางปราณี พูนสวัสดิ์ เจ้าของฟาร์มเป็ดว่า ต้องเสียภาษีอะไรถึงแปดหมื่นบาท น.ส.ศันนีย์ บอกเพียงว่า เป็นเรื่องของท้องถิ่น ไม่ใช่รัฐบาล

ขณะที่ นางปราณี พูนสวัสดิ์ เจ้าของฟาร์มเป็ดเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ตนเลี้ยงเป็ด 5 หมื่นตัว แต่ปีที่ผ่านมาถูกน้ำท่วม เป็ดล้มตายเสียหายไปร่วม 2 ล้านบาท ทางเทศบาลบึงระมาณกลับเก็บภาษี 8 หมื่นบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาเสียแค่ 1.8 หมื่นบาท สงสัยว่าทำไมเก็บภาษีแพงนัก

ยืนยันว่าตนมีใบแจ้งหนี้ทวงค่าภาษีจากท้องถิ่น 8 หมื่นบาทจริง แต่ตนไม่มีเงินจึงจ่ายไป 3 หมื่น ที่เหลืออยากฟ้องก็ฟ้องไป แต่อยากให้นายกรัฐมนตรีช่วยเหลือเพื่อความเป็นธรรม

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจโกดังรับจำนำข้าวที่ อ.วัดโบสถ์แทน เนื่องจากคลังเก็บข้าวที่ PK Rice มีจำนวนน้อย ก่อนที่จะเดินทางไปรับประทานข้าวเที่ยง แล้วขึ้นเครื่องบินที่สนามบินกองบิน 46 ในช่วงบ่ายโมงเศษ มุ่งหน้าลงภาคใต้

อย่างไรก็ตาม ช่วงคืน (13 ก.ย.) ที่ผ่านมา น. ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม บรรยายสรุปคดีเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า เกษตรกรที่ร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีรายได้จากการขายข้าวเพิ่มขึ้นกว่า 200,224 ล้านบาท จากปริมาณข้าวที่รับจำนำ คือ ข้าวหอมมะลิ 3,087 ตัน ราคาตันละ 20,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15,118 ตัน ราคาตันละ 14,800 ตัน ที่ผ่านมาตรวจสอบโรงสีทั่วประเทศ 298 แห่งจาก 1,330 แห่ง

และหลังจาก DSI ลงพื้นที่ตรวจสอบ 9 จังหวัด คือ กาญจนบุรี นครนายก นครปฐม กำแพงเพชร นครสวรรค์ พัทลุง อ่างทอง พิษณุโลก อุดรธานี พบว่า ที่จังหวัดอุดรธานี พบปัญหาการทุจริตหักสิ่งเจือปนสูง ตรวจสอบและคืนเงินจำนวน 4 ล้านบาทแก่เกษตรกร 1,400 ราย, อ่างทอง-พิษณุโลก พบทุจริตช่างตวงวัดตาม พ.ร.บ.ค้าข้าว และการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไม่ตรงข้อเท็จจริง ส่วนที่กาญจนบุรี มีโรงสี เกี่ยวข้อง 21 แห่ง จาก 1,330 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 เท่านั้น

สำหรับที่ จ.กาญจนบุรี ทางคณะกรรมการตรวจสอบฯ พบว่า เกิดการสวมสิทธิ โดยมีผู้นำท้องถิ่น ร่วมดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีเกษตรกรสารภาพแล้ว 10 ราย, นครนายก มีการสวมสิทธิจากน้ำท่วม มีภรรยาข้าราชการตำรวจ เป็นหัวโจก มีนายหน้าออกไปชักชวนเกษตรกรในการสวมสิทธิ โดยให้ค่าจ้างเกษตรกรรายละ 500-1,000 บาท

ขณะที่ เพชรบูรณ์ เป็นคดีที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ โดยโรงสีมานะยิ่งเจริญดี แอบอ้างโครงการรับจำนำฉ้อโกงเกษตรกรจำนวน 162 ราย เป็นเงิน 21.5 ล้านบาท ล่าสุดกำลังเร่งดำเนินการทางคดีแล้ว

ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกในที่ประชุมว่า เกษตรกรพอใจกับโครงการรับจำนำข้าว เจ้าหน้าที่ต้องทำงานเชิงลึก ติดตามตรวจสอบทุจริต โดยเฉพาะ ธ.ก.ส. และกระทรวงพาณิชย์ และมหาดไทย ให้นำข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ ลิงก์ให้เห็นยอดการผลิตข้าวของเกษตรกรทั่วประเทศ ตรวจสอบดูความผิดปกติ ป้องกันการทุจริตทั้งระบบ