xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"เมินปปช.ฟันจำนำข้าว ยันนโยบายดีต้องทำต่อ-ไม่ผิดWTO

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอนุกรรมการฝ่ายวิจัย ป.ป.ช ระบุว่า รัฐบาลควรยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากพบว่ามีการทุจริตและอาจเข้าข่ายทำผิดกฏหมายอาญา ม.157 ว่า เรื่องของนโยบายจำนำข้าวต้องคุยกัน 2 ช่วง คือ ตัวนโยบาย กับขั้นตอนการปฏิบัติ
สำหรับตัวนโยบาย วัตถุประสงค์ของโครงการต้องการให้มีการยกระดับราคาสินค้าเกษตร ยืนยันว่า เป็นนโยบายที่ดี และเพื่อช่วยพี่น้องเกษตรกร แต่สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติ แน่นอนการทำงานต่างๆ ต้องมีการปรับปรุงการปฏิบัติให้สอดคล้อง ซึ่งปัญหาจะอยู่ในช่วงของการปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าไปตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเป็นไปตามขั้นตอนต่างๆ อย่างถูกต้อง
เมื่อถามว่า ยังมองว่าโครงการยังเดินหน้าต่อไปได้ ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่เรียน ตัวนโยบายเองตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร แต่ขั้นตอนการปฏิบัติ น้อมรับที่จะฟังข้อคิดเห็นต่างๆ และเอาไปตรวจสอบ
ส่วนที่มีข่าวว่าทูตสหรัฐฯ จะขอเข้าพบ เนื่องจากมีข้อข้องใจโครงการรับจำนำข้าว อาจผิดระเบียบการค้าโลก หรือ WTO นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียด

**“ยรรยง”โต้จำนำข้าวไม่ผิดWTO

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า นโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ไม่ผิดกฎองค์การการค้าโลก (WTO) ในเรื่องการอุดหนุน เพราะการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เป็นการยกระดับราคาข้าวให้กับเกษตรกร และทำให้ข้าวราคาสูงขึ้น ทั้งในประเทศและราคาข้าวส่งออก
ส่วนการอุดหนุนที่ WTO ห้ามทำ ก็คือ การอุดหนุนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการเพื่อทำให้สินค้ามีต้นทุนต่ำลง และสามารถส่งออกไปแข่งขันในตลาดโลกได้ในราคาถูก แต่การจำนำไม่ใช่ ไม่เข้าข่ายเรื่องการอุดหนุนเลย
“การจำนำข้าว เป็นการยกระดับราคาให้กับเกษตรกร และราคาข้าวไทยในภาพรวม โดยทั้งราคาข้าวเปลือกและราคาส่งออก มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลได้นำนโยบายรับจำนำมาใช้ และไม่ได้ทำให้ประเทศใดเสียหาย เพราะการที่ราคาในตลาดโลกสูงขึ้น ชาวนาของประเทศนั้นๆ ก็ได้ประโยชน์ด้วย รวมถึงชาวนาของสหรัฐฯ”
ส่วนประเด็นที่มีการโจมตีว่า รัฐบาลเสียหายด้านงบประมาณในการรับจำนำข้าวเป็นจำนวนมาก ก็เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศ แต่ประโยชน์ส่วนใหญ่ได้ตกอยู่กับเกษตรกร ที่สามารถขายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น และเป็นราคาที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการรับจำนำมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา มีการออกมาโจมตีนโยบายรับจำนำของรัฐบาล ทั้งจากผู้ส่งออก นักวิชาการ สื่อต่างประเทศ และล่าสุดสหรัฐฯ ที่ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การรับจำนำอาจผิดกฎ WTO ในเรื่องการอุดหนุน และได้ทำเรื่องขอเข้าพบปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้

**ชี้สหรัฐฯขอตรวจสอบจำนำข้าวได้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณที่ทางสหรัฐฯ จะส่งเจ้าหน้าที่มาพบปลัดกระทรวงพาณิชย์ของไทย ขอตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ระบุไทยการส่งออกข้าวบิดเบือนกลไกการค้าโลก ว่า ได้เคยเตือนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่วันอภิปรายนโยบายแล้ว เพราะการแทรกแซงราคา และการค้า มีกติกาที่ทางองค์การการค้าโลกกำหนดอยู่ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่รัฐบาลชุดที่แล้วใช้นโยบายประกันรายได้ เพราะนโยบายประกันรายได้ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการค้า เป็นเรื่องของการที่เราช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องรายได้ แต่รัฐบาลอาจใช้ข้อต่อสู้ว่า ไม่ได้เป็นการซื้อ แต่เป็นการจำนำข้าว ส่วนกรณีที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตั้งข้อสงสัยว่า สหรัฐฯ มีอำนาจอะไร ในการตรวจสอบนโยบายของไทย ตนไม่ได้มองว่าสหรัฐฯ จะมาตรวจสอบ หรือไม่ตรวจสอบ แต่ว่าทางประเทศไทย ก็ต้องเตรียมการเอาไว้ ในกรณีที่เกิดมีใครมองว่ามัน ขัด WTO แล้วเกิดการร้องเรียน ก็ต้องไปชี้แจง

** เข้าข่ายคอร์รัปชันเชิงนโยบาย

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณี นักวิชาการศูนย์วิจัย กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) ออกมาชี้ในประเด็นที่ว่า นโยบายดังกล่าว น่าจะเข้าข่ายจงใจกระทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ โดยจะส่งเรื่องนี้ให้ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่า จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 หรือไม่นั้น ตนพูดหลายครั้งว่า ปัญหาเรื่องการทุจริต คอร์รัปชันนั้น มันแยกไม่ออกในยุคปัจจุบัน แยกไม่ออกจากการออกแบบนโยบาย ซึ่งการทำนโยบายแบบนี้ มีความเสี่ยงต่อการทุจริตคอร์รัปชันสูง ซึ่ง ป.ป.ช. มีสิทธิ์เตือน แต่รัฐบาลได้รับฟังการตักเตือนหรือไม่ และมีการป้องกันแค่ไหน หากรัฐบาลเองก็เพิกเฉย ไม่สนใจเลย และถ้าพิสูจน์ต่อมาว่า เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่นขึ้นจริง ตามที่ ป.ป.ช.เคยเตือน ก็น่าคิดว่า รัฐบาลมีเจตนา หรือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ จนปล่อยให้ความเสียหายเกิดขึ้นก็อาจจมีการดำเนินการร้อง ป.ป.ช.ได้.

**ฝ่ายค้านกระทู้สดปัญหาจำนำข้าว
ในการประชุมสภาผูั้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (9ส.ค.) นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสด เรื่อง แนวทางและขั้นตอนในการรับจำนำข้าว ว่า กรณีที่กระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ออกใบประทวนให้เกษตรกร ที่เก็บเกี่ยวข้าวแล้วช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. ทางเกษตรกรได้ใบรับรองแล้ว แต่ อคส. ยังไม่ออกใบประทวนให้ โดยทางหน่วยงานระบุว่า จะออกให้หลังวันที่ 27 มิ.ย.
ดังนั้น อยากถามว่าก่อนวันที่ 27 มิ.ย. ทาง อคส.และอตก. จะออกใบประทวนให้ได้หรือไม่ โดยขอให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เลย นอกจากนี้ หากได้ใบประทวนแล้ว อยากให้ทางกระทรวงพาณิชย์ ติดตามว่าเกษตรกร จะได้รับเงินภายในกี่วัน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ตอบกระทู้ว่า ทางคณะกรรมการได้หารือกันและได้ลงมติเห็นชอบให้ดำเนินการย้อนหลังได้ ซึ่งตนจะรับเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง อคส.และอตก. ไปดำเนินการตามกระบวนการ โดยทาง อคส. และอตก. จะออกใบประทวนให้ จากนั้นเมื่อเกษตรกรได้รับใบประทวนแล้ว ก็คงไม่มีปัญหาในการรับเงินจากธกส. ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินภายใน 2-3 วัน
นายนิยม กล่าวว่า การปลูกข้าวนาปี ที่เกษตรกรจะเริ่มเพาะปลูกตามรอบเดือน ที่เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค. และเก็บเกี่ยวช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. จึงอยากถามว่า จะเปิดโครงการรับจำนำข้าวนาปีช่วงไหน รวมทั้วจะได้รับใบประทวน และรับเงินช่วงไหน
นายบุญทรง กล่าวว่า รัฐบาลได้เห็นชอบจะให้เริ่มโครงการรับจำนำฤดูกาลต่อไป ในวันที่ 1 ต.ค. ส่วนเรื่องรอบเวลานั้น เนื่องจากที่ผ่านมา เกษตรมีความสามารถ มีเทคโนโลยีในการเพาะปลูกทำให้สามารถปลูกข้าวได้มากกว่า 2 ครั้งใน 1 ปี ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎธรรมชาติในอดีต ทางรัฐบาลเห็นว่าฤดูกาลถัดไปจะอนุญาตให้เกษตรกรได้เข้าโครงการอย่างเต็มจำนวน โดยไม่กำหนดว่าจะเป็นฤดูกาลใด ซึ่งได้เริ่มขึ้นทะเบียนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ไปถึง 31 พ.ค. 56 โดยเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนแล้วสามารถเข้าโครงการรับจำนำได้ 2 ครั้งต่อปี ทั้งนี้ โครงการจะเปิดรับจำนำข้าวนาปีในรอบใหม่คือช่วงวันที่ 1 ต.ค.55-30 ก.ย. 56 เพราะนาปรังจะสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้ การเริ่มต้นรับจำนำช่วงเดือนต.ค.ก็เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมเวลากัน
นายนิยม กล่าวว่า ตนเกรงว่า หากเปิดรับจำนำข้าวนาปีช่วงเดือนต.ค. จะเกิดความซ้ำซ้อนเรื่องเวลา โดยเฉพาะเรื่องของการตรวจสต็อคข้าว อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาเรื่องการออกใบรับรองให้เกษตรกร ที่มีการเอาข้าวไปขาย หรือไปฝากโรงสีขายสด ขายข้าวหมดไปล่วงหน้าแล้ว แต่ยังไม่ได้ใบรับรอง รวมทั้งหาวิธีการช่วยเหลือเกษตรกร ในการคำนวณผลิตผลต่อไร่ ที่ผ่านมารัฐบาลกำหนดกรอบไว้ที่ข้าว 691 กิโลกรัมต่อไร่ คือ ข้าวที่มีความชื้น 15% แต่เมื่อเอาไปเข้าโครงการรับจำนำ ความชื้นจะสูงมากกว่านี้ 30% การกำหนดกรอบเฉลี่ยไว้ที่ประมาณ 80 ถังต่อไร่ หรือประมาณ 800 กิโลกรัม ที่ผ่านมามีการอนุโลม หากเกษตกรมายืนยันว่า เป็นข้าวของชาวนาจริงๆ จะมีการบวกเพิ่มให้ 20 % หรือตันละ 1,000 บาท แต่กระทรวงพาณิชย์ยั งไม่ชัดเจนว่าจะมีตัวบวกหรือไม่ หากเกษตรกรปลูกข้าวได้ 80 ถัง นอกจากนี้ เกษตรกรยังมีปัญหาเรื่องของโรงสีเข้าร่วมโครงการรับจำนำมีน้อย เรื่องความชื้นไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยังมีปัญหาอยู่ นอกจากนี้ มีข่าวว่ามีการกำหนดวงเงินต่อไรต่อถัง ไว้ที่ 5 แสนบาท เท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะนโยบายบอกจำนำทุกเมล็ดคงไม่เกี่ยวกับวงเงิน เพราะโครงการประกันรายได้แบ่งซอยพื้นที่แล้วเอามาเฉลี่ย พอโครงการรับจำนำก็คิดแบบเอามารวมกัน ทั้งนี้ โครงการจำนำ ยังเป็นไปด้วยดีอาจมีข้อบกพร่องบ้าง เหมือนการปลูกต้นไม้หากเราไม่ช่วยกันรดน้ำต้นไม้ก็ตาย เหมือนนโยบายรับจำนำก็อาจจะตายเหมือนกัน
นายบุญทรง กล่าวว่า คณะอนุกรรมการได้พิจารณาผ่อนผันให้คนที่ปลูกข้าวในช่วงนี้ได้นำข้าวมาเข้าโครงการเป็นรอบพิเศษ โดยให้มีการขึ้นทะเบียนไปแล้ว ที่บอกจะยกเลิกใบรับรองที่ขายข้าวล่วงหน้านั้น ตนจะขอรับไปพิจารณา เพราะหากยกเลิกได้จะทำให้สามารถป้องกันการสวมสิทธิ์ได้
ส่วนการจำนำ มีการกำหนดวงเงิน 5 แสนบาท หรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่มี เป็นเรื่องเข้าใจผิด นอกจากนี้ การคำนวณผลผลิตต่อไร่ก็มีอัตราการคำนวณข้าวแต่ละชนิดในแต่ละพื้นที่ ตนจะรับข้อมูลไปหารือต่อ ส่วนพื้นที่บางจังหวัดมีที่มีโรงสีเข้าโครงการน้อย นายกฯ ได้มีคำสั่งลงมาว่าในฤดูกาลต่อไปให้โรงสีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการเพาะปลุกข้าวทุกโรงเข้าโครงการรับจำนำให้หมดโดยไม่มีข้อยกเว้น เว้นเสียแต่โรงสีนั้นมีคดีฟ้องร้องกับอตก. อคส. หรืออยู่ในแบล็คลิสต์จะเข้าร่วมไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น