xs
xsm
sm
md
lg

อธิบดีกรมอุทยานฯ ตรวจ 3 รีสอร์ตหรูบนเกาะเสม็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - อธิบดีกรมอุทยานฯ และคณะ ลงพื้นที่เกาะเสม็ดตรวจ 3 รีสอร์ตหรูที่ถูกคำสั่งรื้อถอน พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดี อบจ.ระยอง หลังสร้างท่าเทียบเรือเกาะเสม็ดโดยไม่ขออนุญาต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วย นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีฯ นายวิทยา หงษ์เวียงจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นายไพศาล สถิตพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า นายวิจิตร แสงรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) นายอาคม น้ำคำ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯ พร้อมอาวุธปืนครบมือ ได้ลงเรือเร็วข้ามไปยังเกาะเสม็ดเพื่อตรวจสอบรีสอร์ต 3 แห่ง ซึ่งประกอบด้วย มุกเสม็ดรีสอร์ต เสม็ดอันซีน และพลอยเสม็ด ซึ่งถูกคำสั่งศาลให้รื้อถอน โดยกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้นำเรือวนรอบพลอยเสม็ด ก่อนนำเรือเข้าจอดเพื่อขึ้นไปตรวจสอบ

นายวิทยา หงษ์เวียงจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานแห่งชาติ ได้ปีนขึ้นบันไดขึ้นซึ่งผู้ประกอบการทำหลอกไว้เป็นคนแรก จนทำให้นายวิทยาพลัดตกน้ำ เจ้าหน้าที่ต้องรีบให้การช่วยเหลือ

ขณะที่นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมคณะสื่อมวลชนได้ขึ้นตรวจสอบห้องพักของเสม็ดอันซีน และมุกเสม็ด ก่อนนั่งเรือไปตรวจสอบบริเวณท่าเทียบเรือด้านหน้าเกาะเสม็ด ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง กำลังดำเนินการก่อสร้าง

อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้สั่งให้ผู้รับเหมาหยุดดำเนินการทันที และได้สอบถามนายอาคม น้ำคำ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ซึ่งได้ชี้แจงว่านายปริญญา คุ้มสระพรหม หัวหน้าอุทยานฯ คนเก่าเป็นผู้อนุญาตการก่อสร้าง สร้างความไม่พอใจให้แก่อธิบดีกรมอุทยานฯ จึงกำชับให้รองอธิบดีฯ ตั้งคณะกรรมการสอบเป็นการด่วน

นอกจากนั้น ยังได้ทำความเข้าใจกับนายพัลลภ ขุมทอง วิศวกรก่อสร้างว่าท่าเรือแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาต และไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ หรือ EIA จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้นายดำรงค์ พิเดช กล่าวถึงการเดินทางมาตรวจสอบรีสอร์ตทั้ง 3 แห่ง ซึ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่ในทะเลหน้าบริเวณหมู่เกาะเสม็ด แม้ผู้ประกอบการได้ทำหนังสือชี้แจงมายังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถึงหัวหน้าหน่วยอุทยานฯ เพื่อขอรื้อถอนเองตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2555 ว่าหากผู้ประกอบการรื้อถอนเองถือเป็นเรื่องดี ซึ่งกรมอุทยานฯ จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายการรื้อถอน และยังไม่เป็นการเสียเวลาในการนำเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติการรื้อถอน เพราะการรื้อถอนทางทะเลค่อนข้างลำบาก และต้องนำรถแบ็กโฮใส่แพมา

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ พบว่า ผู้ประกอบการได้หยุดให้บริการแล้ว และจากการตรวจสอบทั้ง 3 แห่ง พบว่ามีการเก็บข้าวของเรียบร้อย ซึ่งทางกรมฯ จะให้เวลาจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ถ้าหากหลังจากวันที่ 31 ตุลาคมไปแล้ว ถือเป็นหน้าที่ของหน่วยอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และอธิบดีฯ คนใหม่ที่จะต้องดำเนินการรื้อถอนต่อไป และหากอธิบดีฯ คนใหม่ไม่ดำเนินการรื้อถอนจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

“เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้การจะทำอะไรโดยที่ไม่ขออนุญาต ที่ผู้ประกอบการลงทุนไปทั้งหลายเหล่านี้จะสูญเปล่า นอกจากนี้ ยังมีหน่วยราชการต่างๆ ที่ถือโอกาสก่อสร้างโดยไม่ขออนุญาต เช่น ท่าเรือเกาะเสม็ดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ที่ไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ก็ต้องรื้อถอน ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีเช่นกัน” อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวและว่า

กรณีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง สร้างบ้านพักประมง และอาคารร้านค้าบนชายหาดแม่รำพึง โดยใช้งบไทยเข้มแข็งกว่า 100 ล้านบาทนั้น ในวันนี้พบว่าได้ปล่อยให้คนเช่าประกอบอาชีพมั่วไปหมด และในอนาคตชายหาดก็จะกลายเป็นแหล่งสลัม ทำให้ต้องดูรายละเอียดว่าหากมีการรับมอบแล้วจะสามารถดำเนินการรื้อถอนได้เลยหรือไม่

“ถึงอย่างไรผมก็ไม่เอาไว้ มันเป็นการสร้างเกะกะกีดขวางชายหาด เช่นเดียวกับการแก้ปัญหารุกผืนป่าที่ไม่มีวันจบสิ้น ชายหาดไม่ควรทำกิจกรรมอะไรที่ถาวร และขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ที่อนุมัติในสมัยนั้นแล้ว ซึ่งหากพบว่าผิด ก็ต้องใช้มาตรา 19 รื้อถอน” อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น