ศูนย์ข่าวนครราชสีมา -“ผบช.ภ.3” เผย “ส.ส.ชาดา” ติดต่อปฏิเสธไม่ให้ผ่าศพ “ฟารุต” พิสูจน์หัวกระสุนสังหาร ระบุผิดหลักศาสนาอิสลาม พร้อมนำพยานหญิงสาวพร้อมรถ BMW เข้าให้ปากคำตรวจสอบวันนี้ สั่ง ตร.เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทุกชิ้นที่ปรากฏในคดีให้ครบสมบูรณ์และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย มั่นใจสรุปคดีได้ในสิ้นเดือนนี้แน่ ชี้ตั้ง 3 ข้อสังเกตหาปืนสังหารไม่เจอ “มือยิงโกหก-จำจุดทิ้งผิด-มีคนเก็บไป” โต้ “ชาดา” ยัน “นายมั่น” ผู้ต้องหาตัวจริงไม่ใช่แพะ ระบุพยาน 5 คนฝ่ายผู้ตายเองไม่มีใครบอกคนร้ายมี 2 คน
วันนี้ (3 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องรับรองสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดียิง นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชาย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เสียชีวิตคารถยนต์ บริเวณถนนสายเขาใหญ่- วังน้ำเขียว ท้องที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. และต่อมาวันที่ 30 ส.ค.นายมั่น พูลทรัพย์ โฟร์แมนก่อสร้างชาว จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว ว่า ตนได้เร่งรัดและกำชับพนักงานสอบสวนให้รีบสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดโดยเร็ว โดยวันนี้ (3 ก.ย.) ตำรวจได้นัดสอบพยานซึ่งเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่นั่งในรถยนต์เก๋งยี่ห้อ BMW มากับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ในวันเกิดเหตุ โดยนายชาดาจะนำรถคันดังกล่าวไปให้ตรวจสอบพร้อมกันที่กรุงเทพฯ คาดว่าในวันนี้กระบวนการสอบสวนนายชาดาเพิ่มเติมและตรวจสอบรถ BMW ดังกล่าวจะเสร็จสิ้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ทยอยทำไป แต่หลักๆ คือรอผลการตรวจพิสูจน์ที่ชัดเจน โดยวันพรุ่งนี้ (4 ก.ย.) ทางกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) กลางจะลงพื้นที่ตรวจสอบวิถีกระสุนและระยะการยิง โดยนำเทคโนโลยีของกล้องสแกน 3D หรือกล้อง 3 มิติ มาใช้ในการทดสอบซึ่งสามารถบ่งบอกถึงระยะและความห่าง ความสูง ที่มีความละเอียดมาก เพื่อนำมาประกอบการยืนยันหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะสรุปผลการตรวจสอบทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนคดี สภ.หมูสี อ.ปากช่อง เมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างจะชัดเจน และคาดว่าสำนวนคดีทั้งหมดจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไม่เกินสิ้นเดือน ก.ย. หรือไม่เกินวันที่ 30 ก.ย.นี้แน่นอน ส่วนความชัดเจนว่าฝ่ายใดยิงก่อนเรื่องนี้ต้องรอผลพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานกลางหลังจากที่มาทำระบบต่างๆ สมบูรณ์แล้ว ซึ่งโดยหลักฐานข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในขณะนี้ขอเรียนว่าเรื่องนี้ตำรวจทราบค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่ขอรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เป็นทางการก่อน
พล.ต.ท.ภาณุกล่าวถึงการค้นหาอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุและโยนทิ้งข้างทางว่า ตอนนี้ยังไม่พบ คิดว่าเป็นไปได้ 3 ประเด็น คือ 1. ผู้ต้องหาอาจไม่พูดความจริง 2. เป็นช่วงกลางคืนมืดมากอาจจำสถานที่ผิดไป และ 3. อาจมีชาวบ้านเก็บไปแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ทุกกรณี ตำรวจยังหวังว่าน่าจะเป็นประเด็นที่จำสถานที่ผิดมากกว่า ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังระดมค้นหากันทุกวัน ทั้งใช้เครื่องมือและกำลังตำรวจค้นหาในพื้นที่ตลอดเส้นทางที่นายมั่นขับรถหลบหนี แม้แต่ในน้ำก็พยายามลงไปงมดู ทั้งนี้ รัศมีการขว้างอาวุธปืนนั้นกำลังแรงคนไม่เท่ากัน แต่การขว้างขณะขับรถยังไงก็ไม่ไกลมาก
ส่วนเรื่องที่ ส.ส.ชาดายังกังขาไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริงนั้น พล.ต.ท.ภาณุกล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีร้ายแรง ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาคงไม่มีใครอาสามาเป็นแพะ หรือตำรวจคงไม่ไปหาแพะมาทำ เพราะโทษฆ่าคนตายมันร้ายแรงมากถึงประหารชีวิต ประกอบกับผู้ต้องหาคือ นายมั่น พูลทรัพทย์ ก็เล่าเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน และพาไปชี้จุดต่างๆ ได้ชัดเจน สอดคล้องกับพยานทั้งวัตถุ พยานหลักฐาน พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ตำรวจตรวจสอบไว้ ตนยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริง 100%
ต่อข้อถามที่นายชาดาบอกว่าเห็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ 2 คนนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ต.ท.ภาณุตอบว่า นายชาดามีสิทธิ์ให้การได้ แต่พยาน 5 คนฝ่ายนายฟารุตก็ไม่เห็นใครบอกว่ามี 2 คน ส่วนหลักฐานที่จะยืนยันได้ว่าหัวกระสุนในศีรษะของผู้ตายเป็นกระสุนที่ยิงมาจากปืน 9 มม.ของนายมั่นจริงนั้น ตำรวจมีวิธีการตรวจสอบมาก โดยเฉพาะการรับสารภาพของนายมั่น และแนวทางที่ทางกองพิสูจน์หลักฐานกลางที่จะมาตรวจตรงนี้ เนื่องจากแนวทางที่รถวิ่งจากรถของนายมั่นที่วิ่งชะลอไปสู่รถคันหน้าระบุที่มาของทิศทางลูกกระสุนปืนได้เป็นอย่างดี ถ้าตรงกันก็ต้องมาจากนายมั่นยิงซึ่งมีวิธีการหลายวิธี แต่ตำรวจจะพยายามหาอาวุธปืนให้ได้ หากไม่ได้ยังมีวิธีการอื่นอีก
ต่อข้อถามถึงเรื่องการประสานนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เพื่อผ่าเอาหัวกระสุนจากศพ นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ผู้ตายนั้น พล.ต.ท.ภาณุตอบว่า เท่าที่พนักงานสอบสวนรายงานให้ตนทราบว่าฝั่งทาง ส.ส.ชาดาติดต่อมาว่าเขาไม่อยากจะไปขุดคุ้ยเพราะศพถูกฝังไปแล้ว และผิดหลักศาสนาอิสลาม การจะไปขุดคุ้ยลักษณะเช่นนั้นทางหลักศาสนาคงไม่ดี เห็นว่าจะไม่ให้มีการผ่าลักษณะนั้นแล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความยินยอมของญาติและครอบครัวรวมทั้งนายชาดา ถ้าหากให้ผ่าจะชัดเจนมากขึ้นเพราะเป็นหลักฐานทางคดีได้ แต่หากไม่ผ่าพิสูจน์ก็ยังมีประเด็นที่คลุมเครืออยู่ อันนี้ตำรวจคิดว่าขึ้นอยู่กับทางญาติของผู้ตายเป็นหลัก โดยเฉพาะหากผ่าพิสูจน์จะเป็นประโยชน์ต่อฝั่งของนายชาดาเองด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่ทาง ส.ส.ชาดาว่าจะเอาอย่างไร
สำหรับการตั้งข้อหากับฝ่ายนายฟารุต ผู้ตาย ตำรวจคงรอผลตรวจพิสูจน์เป็นทางการก่อน เพราะจะบ่งชี้เลยว่าร่องรอยที่ตำรวจเก็บได้ ร่องรอยการถูกอาวุธปืนของรถทั้งคู่เป็นอย่างไร จะชี้ชัดว่าใครยิงใครก่อนด้วย พอชัดเจนก็จะดูว่าวิถีการยิงนั้นประสงค์ต่ออะไร เช่นตั้งใจยิงให้ตายหรือเปล่า หรือตั้งใจยิงแต่ยิงไม่ถูก ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอผลตรวจพิสูจน์วิถีให้ชัดเจนก่อน ขณะนี้ขึ้นอยู่กับผลการตรวจพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม อยากขอเวลาให้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมรายละเอียดต่างๆ ก่อน และรอผลพิสูจน์อีกนิดเดียว ยืนยันว่าภายในสิ้นเดือนนี้ทุกอย่างจบ จากนั้นเป็นขั้นตอนสรุปสำนวนส่งอัยการฟ้องศาล
“ได้กำชับพนักงานสอบสวนว่าให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทุกชิ้นที่ปรากฏในเรื่องราวให้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปืนของนายมั่น, ปืน .380 ที่ยังไม่ปรากฏพบแต่ปลอก และสอบพยานที่เกี่ยวข้องทุกปาก พอเราทราบเส้นทางของคู่กรณีแล้วก็สอบทุกปากที่เกี่ยวข้องในเส้นทางตั้งแต่เริ่มต้นยันจบกระบวนความ พอสอบเสร็จประการสำคัญที่สุดตำรวจต้องตรงไปตรงมาให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ทราบความผิดดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาไม่มีบิดเบี้ยว ผมยืนยันตรงนี้” พล.ต.ท.ภาณุกล่าว