ตร.โคราช จ่อสอบมือยิง "ลูกชาดา" เพิ่มทบทวนจุดทิ้งปืน ผบก.จี้ฝ่าย “ชาดา” รีบมารับข้อหา “พยายามฆ่า”หากเฉยออกหมายจับแน่ เผยผลนิติวิทยาศาสตร์ยันฝ่ายผู้ตายเปิดฉากยิงถล่มก่อน คาดไม่เกิน 30 วันสรุปสำนวนคดีส่งอัยการฟ้องศาลได้ ด้าน ตร.ภ.3 ส่งกำลัง รปภ.ผู้ต้องหาเข้ม หวั่นมือที่ 3 ฉวยโอกาส "ชาดา" เตรียมแถลงพุธนี้ "คนร้ายที่มอบตัว" เป็นแพะหรือไม่
วานนี้ (2 ก.ย.) พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เผยถึงความคืบหน้าคดียิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เสียชีวิตคารรถยนต์ บริเวณถนนเขาใหญ่-วังน้ำเขียว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่าพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ของกลางที่นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหาใช้ยิงในวันเกิดเหตุแล้วโยนทิ้งข้างทาง แต่ตำรวจยังไม่ละความพยายาม ได้ขยายพื้นที่ค้นหาอาวุธปืนออกไปอีก เพราะนายมั่น อาจจำจุดทิ้งปืนไม่ได้เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน หากชาวบ้านพบหรือเก็บไว้ขอให้นำมาคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด จะมีรางวัลให้ 10,000 บาท และไม่ถูกดำเนินคดีแน่นอน หรืออีกประการหนึ่งที่ตั้งข้อสังเกตคือ นายมั่น อาจให้การบิดเบือน อาวุธปืนนั้นอาจเป็นของคนที่รู้จักกับนายมั่น แต่ไม่อยากให้เดือดร้อน จึงอ้างว่าโยนทิ้งข้างทาง เรื่องนี้ตำรวจก็ตั้งข้อสังเกตไว้และก็เป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งจะเรียกนายมั่น มาสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อให้ค่อยๆ ทบทวนความจำในวันเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม อาวุธปืนเป็นเพียงวัตถุพยานที่นำมาประกอบคดีให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น สิ่งสำคัญ คือ ตอนนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่า ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงต่อสู้กับกลุ่มของนายฟารุต จริง ฉะนั้น หากไม่พบปืนกระบอกนี้จริงๆ ก็ไม่มีผลต่อคดีมากนัก
"มาถึงวันนี้ถือว่าคดีนี้คลี่คลายแล้วและไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร ตอนนี้อยู่ที่ฝ่ายของนายชาดา พ่อของผู้ตายเท่านั้นที่ต้องรีบมาให้การกับตำรวจ และเข้ามารับทราบข้อกล่าวว่า พยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้เราทราบชัดเจนว่าใครเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าใส่รถของนายมั่น เพียงแต่ตอนนี้รอการติดต่อกลับมาเท่านั้น หากยังไม่มาก็จะต้องออกหมายเรียกและออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนอาวุธปืนอีก 1 กระบอก ขนาด .380 มม.ของฝ่ายนายฟารุต นั้นขอให้นำมามอบให้กับตำรวจ แต่ถ้าเป็นผู้ตายยิงเองก็คงไม่ต้องตั้งข้อหากับใคร ในจุดนี้ เพราะคนยิงเสียชีวิตแล้ว"
ส่วนที่มีข่าวว่าพนักงานสอบสวนได้ประสานนายชาดา เพื่อขอให้มีการผ่าพิสูจน์กระสุนปืนที่ฝั่งอยู่ในศีรษะของนายฟารุต นั้น พล.ต.ต.องอาจ กล่าวว่า เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่พนักงานสอบสวนก็พยายามใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าการผ่าหัวกระสุนออกมาก็จะเป็นหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อนายฟารุต เองด้วยซ้ำ เพราะจะได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นปืนชนิดใด ซึ่งงานนี้เชื่อว่าศาลก็ติดตามข่าวตลอด เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจในการตัดสินคดีนี้
"สำหรับการดูแลความปลอดภัยให้นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหานั้นทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้จัดกำลังดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันมือที่ 3 ซึ่งอาจเป็นศัตรูหรือผู้ไม่หวังดีต่อนายชาดา พ่อผู้ตาย ฉวยโอกาสนี้ลงมือก่อเหตุกับนายมั่น ก็มีความเป็นไปได้ ฉะนั้น จะต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตของนายมั่น เป็นอย่างดี" พล.ต.ต.องอาจ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.บุญส่ง อัตวรอนันต์ รอง ผบก.ภ.นม.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการค้นหาอาวุธปืนของนายมั่น ที่อ้างว่าโยนทิ้งข้างทางหลังเกิดเหตุ และยังหาไม่พบ ซึ่งหากนายมั่น โยนทิ้งจริงคงไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ที่จะค้นหาจนพบ ส่วนการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมนั้นในวันอังคารที่ 4 ก.ย.นี้ทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จะเข้ามาตรวจแนวกระสุน วิถีกระสุนอีกครั้ง เพื่อนำมาใช้ในการประกอบสำนวนคดี เพราะการทำงานจะต้องทำอย่างรอบคอบ มีพยานหลักฐานที่แน่นหนาและยุติธรรมมายืนยัน ให้ความกระจ่างกับทุกฝ่าย หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะประสานไปทางฝ่ายของนายชาดา เพื่อเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง
“คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไร และเราเดินทางถูกทางแล้ว มั่นใจว่าไม่เกิน 30 วันจะสามารถสรุปสำนวนคดีส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลได้แน่นอน” พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าว
ทางด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า ตนจะแถลงข่าวเรื่องที่คนร้ายเข้ามอบตัวกับตำรวจอีกครั้งว่าใช่แพะหรือไม่ ในวันพุธที่ 5 ก.ย.นี้ที่อาคารรัฐสภา ซึ่งโดยส่วนตัวตนพร้อมให้อภัยคนร้ายที่ยิงบุตรชายเสียชีวิต เมื่อบุคคลดังกล่าวมีความกล้าที่ออกมายอมรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ.
วานนี้ (2 ก.ย.) พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เผยถึงความคืบหน้าคดียิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เสียชีวิตคารรถยนต์ บริเวณถนนเขาใหญ่-วังน้ำเขียว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่าพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ของกลางที่นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหาใช้ยิงในวันเกิดเหตุแล้วโยนทิ้งข้างทาง แต่ตำรวจยังไม่ละความพยายาม ได้ขยายพื้นที่ค้นหาอาวุธปืนออกไปอีก เพราะนายมั่น อาจจำจุดทิ้งปืนไม่ได้เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน หากชาวบ้านพบหรือเก็บไว้ขอให้นำมาคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด จะมีรางวัลให้ 10,000 บาท และไม่ถูกดำเนินคดีแน่นอน หรืออีกประการหนึ่งที่ตั้งข้อสังเกตคือ นายมั่น อาจให้การบิดเบือน อาวุธปืนนั้นอาจเป็นของคนที่รู้จักกับนายมั่น แต่ไม่อยากให้เดือดร้อน จึงอ้างว่าโยนทิ้งข้างทาง เรื่องนี้ตำรวจก็ตั้งข้อสังเกตไว้และก็เป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งจะเรียกนายมั่น มาสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อให้ค่อยๆ ทบทวนความจำในวันเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม อาวุธปืนเป็นเพียงวัตถุพยานที่นำมาประกอบคดีให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น สิ่งสำคัญ คือ ตอนนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่า ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงต่อสู้กับกลุ่มของนายฟารุต จริง ฉะนั้น หากไม่พบปืนกระบอกนี้จริงๆ ก็ไม่มีผลต่อคดีมากนัก
"มาถึงวันนี้ถือว่าคดีนี้คลี่คลายแล้วและไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร ตอนนี้อยู่ที่ฝ่ายของนายชาดา พ่อของผู้ตายเท่านั้นที่ต้องรีบมาให้การกับตำรวจ และเข้ามารับทราบข้อกล่าวว่า พยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้เราทราบชัดเจนว่าใครเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าใส่รถของนายมั่น เพียงแต่ตอนนี้รอการติดต่อกลับมาเท่านั้น หากยังไม่มาก็จะต้องออกหมายเรียกและออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนอาวุธปืนอีก 1 กระบอก ขนาด .380 มม.ของฝ่ายนายฟารุต นั้นขอให้นำมามอบให้กับตำรวจ แต่ถ้าเป็นผู้ตายยิงเองก็คงไม่ต้องตั้งข้อหากับใคร ในจุดนี้ เพราะคนยิงเสียชีวิตแล้ว"
ส่วนที่มีข่าวว่าพนักงานสอบสวนได้ประสานนายชาดา เพื่อขอให้มีการผ่าพิสูจน์กระสุนปืนที่ฝั่งอยู่ในศีรษะของนายฟารุต นั้น พล.ต.ต.องอาจ กล่าวว่า เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่พนักงานสอบสวนก็พยายามใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าการผ่าหัวกระสุนออกมาก็จะเป็นหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อนายฟารุต เองด้วยซ้ำ เพราะจะได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นปืนชนิดใด ซึ่งงานนี้เชื่อว่าศาลก็ติดตามข่าวตลอด เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจในการตัดสินคดีนี้
"สำหรับการดูแลความปลอดภัยให้นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหานั้นทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้จัดกำลังดูแลอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันมือที่ 3 ซึ่งอาจเป็นศัตรูหรือผู้ไม่หวังดีต่อนายชาดา พ่อผู้ตาย ฉวยโอกาสนี้ลงมือก่อเหตุกับนายมั่น ก็มีความเป็นไปได้ ฉะนั้น จะต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตของนายมั่น เป็นอย่างดี" พล.ต.ต.องอาจ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.บุญส่ง อัตวรอนันต์ รอง ผบก.ภ.นม.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการค้นหาอาวุธปืนของนายมั่น ที่อ้างว่าโยนทิ้งข้างทางหลังเกิดเหตุ และยังหาไม่พบ ซึ่งหากนายมั่น โยนทิ้งจริงคงไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ที่จะค้นหาจนพบ ส่วนการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมนั้นในวันอังคารที่ 4 ก.ย.นี้ทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จะเข้ามาตรวจแนวกระสุน วิถีกระสุนอีกครั้ง เพื่อนำมาใช้ในการประกอบสำนวนคดี เพราะการทำงานจะต้องทำอย่างรอบคอบ มีพยานหลักฐานที่แน่นหนาและยุติธรรมมายืนยัน ให้ความกระจ่างกับทุกฝ่าย หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะประสานไปทางฝ่ายของนายชาดา เพื่อเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง
“คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไร และเราเดินทางถูกทางแล้ว มั่นใจว่าไม่เกิน 30 วันจะสามารถสรุปสำนวนคดีส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลได้แน่นอน” พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าว
ทางด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า ตนจะแถลงข่าวเรื่องที่คนร้ายเข้ามอบตัวกับตำรวจอีกครั้งว่าใช่แพะหรือไม่ ในวันพุธที่ 5 ก.ย.นี้ที่อาคารรัฐสภา ซึ่งโดยส่วนตัวตนพร้อมให้อภัยคนร้ายที่ยิงบุตรชายเสียชีวิต เมื่อบุคคลดังกล่าวมีความกล้าที่ออกมายอมรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ.