ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผช.ผบ.ตร.” แถลงข่าว ผู้ต้องหาคดียิงลูกชาย “ส.ส.อุทัยธานี” มอบตัวพร้อมรถของกลาง ส่วนปืนอยู่ระหว่างระดมค้นหา ยันตัวจริงไม่ใช่ “แพะ” หลักฐานตรงกับนิติวิทยาศาสตร์ พบรอยกระสุนรถคนร้ายถูกฝ่ายผู้ตายยิงพรุน 7 นัด ย้ำให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นแจ้งข้อหาทุกฝ่ายคือฆ่าโดยเจตนา กับพยายามฆ่า ด้านมือยิงยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว “ส.ส.ชาดา” ย้ำไม่เจตนา แต่จำเป็นต้องยิงสวนเพื่อป้องกันตัวและไม่เคยรู้จักฝ่ายผู้ตายเป็นใคร ผวาขอกำลัง ตร.คุ้มกันตัวเองและครอบครัว
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ห้องประชุมสารสิน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ดูแลงานด้านการพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ได้ร่วมกันแถลงข่าวผู้ต้องหาคดียิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 27 ปี ลูกชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เสียชีวิตบริเวณถนนเส้นทางเขาใหญ่-วังน้ำเขียว ในท้องที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา เข้ามอบตัวจำนวน 1 ราย คือ นายมั่น พูลทรัพย์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 ม.6 ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี อาชีพโฟร์แมนคุมงานก่อสร้างรีสอร์ตใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ แค็บ สีบรอนซ์ เงิน ทะเบียน ตฮ 1528 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน, อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีรอยกระสุนปืนอีก 5 ชิ้น, อาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่พยานฝ่ายนายชาดามอบให้ตำรวจมาก่อนหน้านี้จำนวน 1 กระบอก รวมถึงปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุจำนวน 13 ปลอก และหัวกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 1 หัว ที่เก็บได้ในรถยนต์ของนายมั่น โดยมีตำรวาจชุดคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมือมาคอยดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และให้นายมั่นสวมเสื้อเกราะกันกระสุนตลอดช่วงที่มีการแถลงข่าว ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจได้ทำงานกันอย่างหนัก ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมากพร้อมกำชับให้ดำเนินการต่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นธรรมที่สุด โดยผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ที่รวบรวมได้ในที่เกิดเหตุ ทั้งปลอกกระสุนปืน รอยกระสุนปืนในรถคันเกิดเหตุ ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วน ส่วนคราบโลหิตที่แตกต่างจากผู้ตายนั้นก็ยืนยันได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นเลือดของคนนั่งในรถที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกของรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ สำหรับอาวุธปืนที่พยานฝ่ายนายชาดาให้มาก็ได้มีการยืนยันตรงกับปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ตามเส้นทางที่ยิงออกมาจากปืนกระบอกดังกล่าวจริงจำนวน 7 นัด
ส่วนรถยนต์ที่ก่อเหตุของผู้ต้องหาเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ซึ่งตอนแรกระบุว่าเป็นรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สตราด้านั้น เป็นเทคนิคการออกข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะหากมีข่าวออกไปตรงเลยคนร้ายอาจจะไหวตัวและหลบหนีไปได้ ซึ่งการตรวจวิถีกระสุนจากรถยนต์โตโยต้า วีโก้ มีร่องรอยถูกยิง 7 รอย คือ จุดไฟท้ายรถซึ่งมีร่องรอยไฟแตกและตกอยู่บนถนนที่เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนจุดที่ 2 ยิงทะลุกระบะไลเนอร์เข้าไปที่เบาะด้านหลังบริเวณแค็บ ซึ่งได้ทำการซ่อมแซมและโป๊วสีอุดรูแล้ว อีกจุดคือ บริเวณคอนโซลหน้า มีรอยกระสุนชัดเจนเฉียดหน้าคนขับ และคอนโซลข้างขวา นอกจากนี้ยังมีที่ดุมล้อแมกซ์อีก 2 นัด ซึ่งผู้ต้องหาได้นำไปซ่อมสีแล้วเพื่อลบร่องรอย และยังมีบริเวณไฟหน้าด้านขวามีร่องรอยรูกระสุนรวมถึงกระจังหน้า ซึ่งรถยนต์ของกลางคันที่ยึดมานี้มีร่องรอยกระสุนอย่างชัดเจน
“สิ่งที่ดำเนินการต่อไปคือจะใช้เทคโนโลยีกล้อง 3D มายืนยันวิถีกระสุนอีกครั้งเพื่อประกอบการยืนยันหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป ส่วนกรณีที่ทั้งสองฝ่ายอ้างว่าถูกยิงก่อนนั้น หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จะบอกได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะปลอกกระสุนปืนที่ตกในจุดเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการเก็บรายละเอียดจุดที่พบปลอกกระสุนปืนตกไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ยาก” พล.ต.ท.จรัมพรกล่าว
ด้าน พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหาถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่จึงเข้ามอบตัว ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการจับแพะแน่นอน และจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นคงต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อนและได้ตั้งข้อหาต่อทั้งสองฝ่าย โดยนายมั่น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนฝ่ายกลุ่มของนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ผู้ตาย ตั้งข้อหาพยายามฆ่า และขอเรียกร้องให้ทางฝ่ายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พ่อผู้ตาย ได้นำอาวุธปืน .380 มม.มามอบให้กับตำรวจเพื่อใช้ประกอบคดีด้วย เพราะมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันชุดเจนว่าเป็นของฝ่ายนายฟารุต รวมถึงพยานอีกหนึ่งคนที่เป็นผู้หญิง ซึ่งนั่งรถมากับนายชาดาในวันเกิดเหตุ ก็ขอให้เข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
ขณะที่ นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นตนกำลังจะเดินทางกลับที่พักเพียงลำพัง โดยใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นประจำ ระหว่างทางได้เจอกับรถของนายฟารุต ซึ่งตนขับรถเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงพยายามขับวิ่งแซงรถนายฟารุตโดยกะพริบไฟหน้าเพื่อให้สัญญาณก่อนแซง หลังขึ้นแซงแล้วรถของนายฟารุตได้กะพริบไฟหน้าใส่ 2 ครั้ง ตนจึงเปิดไฟสปอตไลต์ด้านหลังซึ่งมีผ้าคลุมอยู่ใส่รถนายฟารุต
จากนั้นรถนายฟารุตพยายามเบียดแซงขึ้นมาและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ตนจึงใช้เท้าเขี่ยปืนซึ่งอยู่เบาะในรถออกมาเพื่อเตรียมไว้ และฝ่ายนายฟารุตได้กระหน่ำยิงเข้าใส่อีก ตนจึงชะลอรถและยิงสวนกลับไปเพื่อป้องกันตัวจำนวน 3 นัด และเห็นรถของนายฟารุตประสบอุบัติเหตุ ตนจึงใช้ไฟหรี่ขับรถหนีไปโดยใช้เส้นทางลัดผ่านโรงแรมโบนันซ่า เขาใหญ่ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ และโยนอาวุธปืนทิ้งระหว่างทาง ก่อนไปเติมน้ำมันรถจำนวน 1,500 บาท ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ซึ่งหากตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดในวันนั้นก็จะเห็นภาพตนชัดเจน และตนก็เดินทางเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตามปกติ และมารู้ภายหลังว่าคนขับรถคู่กรณีเสียชีวิตและเป็นลูกชาย ส.ส. ตนจึงนำรถไปให้อู่ซ่อมและส่วนหนึ่งทำการซื้ออุปกรณ์ใหม่มาเปลี่ยนเอง
จากนั้นวันที่ 22 ส.ค.ก็ยังเดินทางกลับมาทำงานที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาตามเดิม โดยเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับปากช่องตามปกติ แต่เนื่องจากถูกกดดันจากหน้าที่และตนรู้จักกับผู้ใหญ่คนหนึ่งจึงติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 เนื่องจากเคยได้รู้ประวัติว่าเป็นตำรวจที่ทำงานตรงไปตรงมาและเชื่อว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมต่อตนเอง
นายมั่นกล่าวอีกว่า อยากให้นักข่าวถามใจตัวเองบ้างว่า ถ้าวันนั้นตนเป็นฝ่ายที่เสียชีวิตจะมีสิทธิ์มานั่งพูดเช่นนี้หรือไม่ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ซึ่งสิ่งที่ตนทำลงไปไม่ใช่เพราะรู้จักกับฝ่ายของผู้ตาย หรือมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่เพื่อเป็นการป้องกันตัว ตนจึงยิงสวนออกไปเท่านั้น และไม่ทราบว่าโดนฝ่ายนั้นหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ต้องกราบขอโทษต่อครอบครัวของผู้ตายด้วย และยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาที่จะทำให้ใครเสียชีวิต และไม่ได้มีการวางแผนอะไรมาก่อนทั้งสิ้น วันนี้อยากขอให้ตำรวจช่วยดูแลและคุ้มครองเรื่องความปลอดภัยให้แก่ตนและครอบครัวด้วย เพราะตนก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อถูกกระทำก็ต้องสู้
“ก่อนหน้านี้ไม่คิดที่จะมอบตัว เพราะคงไม่ได้รับความเป็นธรรม และกำลังจะตัดสินใจขายรถยนต์คันที่ถูกยิงในฝั่งชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ความจริงก็ต้องเป็นความจริง และไม่สบายใจ รวมทั้งผู้ใหญ่ก็ให้คำปรึกษาจึงมามอบตัวต่อสู้คดี” นายมั่นกล่าว
สำหรับอาวุธปืน 9 มม.ที่ใช้ยิงในวันเกิดเหตุ นั้น นายมั่น กล่าวว่า ซื้อมาจากจ.ชลบุรี ราคา 1,500 บาท เป็นปืน 9 มม. ชนิดบรรจุ 5 นัด สภาพเก่า โดยซื้อมาไว้เพื่อป้องกันตัวเนื่องจากทำงานคุมงานก่อสร้างที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลาและเป็นสถานที่เปลี่ยว อยู่ห่างไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวแล้วพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายมั่น พูนทรัพย์ ผู้ต้องหา ฆ่านายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชาย ส.ส.อุทัยธานี ไปทำแผนประกอบคดีในที่เกิดเหตุท้องที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ส่วนหลักฐานอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุและโยนทิ้งบริเวณถนนก่อนหลบหนี นั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ระดากำลังค้นหาอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่พบปืนกระบอกดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งรางวัลเป็นเงิน 10,000 บาท สำหรับผู้ที่พบอาวุธปืนของกลางและนำมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ