ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตร.โคราชยังไม่พบปืน 9 มม.กระบอกสังหารลูก ส.ส.อุทัยธานี จ่อเรียกมือยิงสอบเพิ่มทบทวนจุดทิ้ง ผู้การฯ จี้ฝ่าย “ส.ส.ชาดา” รีบมารับข้อหา “พยายามฆ่า” หากเฉยออกหมายจับแน่ เผยผลนิติวิทยาศาสตร์ยันฝ่ายผู้ตายเปิดฉากยิงถล่มก่อน ด้าน ตร.ภาค 3 ส่งกำลังคุมเข้มความปลอดภัยผู้ต้องหาหวั่นมือที่ 3 ฉวยโอกาส ด้าน ตร.พิสูจน์หลักฐานเตรียมเข้าตรวจวิธีกระสุนอีกรอบหาหลักฐานมัดแน่ คาดไม่เกิน 30 วันสรุปสำนวนคดีส่งอัยการฟ้องศาลได้
วันนี้ (2 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดียิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 27 ปี ลูกชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เสียชีวิตคารรถยนต์บริเวณถนนเขาใหญ่-วังน้ำเขียว ท้องที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา และต่อมาวันที่ 30 ส.ค. นายมั่น พูลทรัพย์ อายุ 40 ปี ชาว จ.ราชบุรี โฟร์แมนคุมงานก่อสร้างรีสอร์ตใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวสู้คดี ระบุว่าเป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวจากสาเหตุเปิดไฟสูงใส่กัน และนายมั่นถูกตำรวจแจ้งดำเนินคดี 4 ข้อหานั้น
ล่าสุดวันนี้ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่าพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ของกลางที่นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหาใช้ยิงในวันเกิดเหตุแล้วโยนทิ้งข้างทาง แต่ตำรวจเรายังไม่ละความพยายาม ได้ขยายพื้นที่ค้นหาอาวุธปืนดังกล่าวออกไปอีก เพราะนายมั่นอาจจำจุดทิ้งปืนไม่ได้เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน หากชาวบ้านพบหรือเก็บไว้ขอให้นำมาคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด จะมีรางวัลให้ 10,000 บาท และไม่ถูกดำเนินคดีแน่นอน
หรืออีกประการหนึ่งที่เราตั้งข้อสังเกต คือ นายมั่นอาจให้การบิดเบือน อาวุธปืนดังกล่าวนั้นอาจเป็นของคนที่รู้จักกับนายมั่นแต่ไม่อยากให้เดือดร้อน จึงอ้างว่าโยนทิ้งข้างทาง เรื่องนี้ตำรวจก็ตั้งข้อสังเกตไว้ และก็เป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งจะเรียกนายมั่นมาสอบปากคำอีกครั้งเพื่อให้ค่อยๆ ทบทวนความจำในวันเกิดเหตุ
“อย่างไรก็ตาม อาวุธปืนเป็นเพียงวัตถุพยานที่นำมาประกอบคดีให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น สิ่งสำคัญคือ ตอนนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพแล้วว่าได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงต่อสู้กับกลุ่มของนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ผู้ตายจริง ฉะนั้นหากไม่พบปืนกระบอกนี้จริงๆ ก็ไม่มีผลต่อคดีมากนัก” พล.ต.ต.องอาจกล่าว
พล.ต.ต.องอาจกล่าวว่า มาถึงวันนี้ถือว่าคดีนี้คลี่คลายแล้ว และไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย ตอนนี้อยู่ที่ฝ่ายของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พ่อของผู้ตายเท่านั้นที่ต้องรีบมาให้การต่อตำรวจ และเข้ามารับทราบข้อกล่าวว่า “พยายามฆ่าผู้อื่น” ซึ่งจากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้ เราทราบชัดเจนว่าใครเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าใส่รถของนายมั่น เพียงแต่ตอนนี้รอการติดต่อกลับมาเท่านั้นหากยังไม่มาก็จะต้องออกหมายเรียกและออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย
ส่วนอาวุธปืนอีก 1 กระบอก ขนาด .380 มม.ของฝ่ายนายฟารุตนั้นขอให้นำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถ้าเป็นผู้ตายยิงเองก็คงไม่ต้องตั้งข้อหากับใครในจุดนี้ เพราะคนยิงเสียชีวิตแล้ว
ต่อข้อถามกรณีฝ่ายของใครเป็นคนยิงใส่ก่อนนั้นตำรวจสรุปได้หรือยัง พล.ต.ต.องอาจกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องอาศัยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งจากการเก็บปลอกกระสุนปืนที่หล่นในที่เกิดเหตุเป็นระยะทางประมาณ 92 เมตรที่มีการยิงใส่กันนั้น ค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยปลอกที่พบหล่นตามถนนมีทั้งหมด 10 ปลอก แบ่งเป็น กลุ่มแรกพบ 2 ปลอก เป็นของอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่ตรงกับปืนของฝ่ายนายฟารุตนำมามอบให้ตำรวจ และกลุ่มที่ 2 จำนวน 3 ปลอก ซึ่งเป็นของปืน 9 มม.อีกกระบอก ตรงกับที่นายมั่นให้การว่าได้ยิงตอบโต้กลับไป 3 นัด และกลุ่มที่ 3 จำนวน 5 ปลอก เป็นปืนขนาด 9 มม. กระบอกของฝ่ายนายฟารุต ซึ่งรถยนต์ของนายมั่นที่เป็นของกลางนำมาให้ตำรวจตรวจสอบก็พบรอยกระสุนปืนขนาด 9 มม.ยิงเข้าไป 7 นัดเช่นกัน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็กระจ่างพอสมควรแล้ว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าพนักงานสอบสวนได้ประสานนายชาดาเพื่อขอให้มีการผ่าพิสูจน์กระสุนปืนที่ฝั่งอยู่ในศีรษะของนายฟารุตนั้น พล.ต.ต.องอาจกล่าวว่า เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่พนักงานสอบสวนเราก็พยายามใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าการผ่าหัวกระสุนออกมาก็จะเป็นหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อนายฟารุตเองด้วยซ้ำ เพราะจะได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นปืนชนิดใด ซึ่งงานนี้เชื่อว่าศาลท่านก็ติดตามข่าวผ่านสื่อมวลชนตลอด เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจในการตัดสินคดีนี้
สำหรับการดูแลความปลอดภัยให้นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้ต้องหานั้น ทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้จัดกำลังดูแลอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันมือที่ 3 ซึ่งอาจเป็นศัตรูหรือผู้ไม่หวังดีต่อนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พ่อผู้ตาย ฉวยโอกาสนี้ลงมือก่อเหตุกับนายมั่น ก็มีความเป็นไปได้ ฉะนั้นจะต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตของนายมั่นเป็นอย่างดี
ด้าน พ.ต.อ.บุญส่ง อัตวรอนันต์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา (รอง ผบก.ภ.นม.)ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการค้นหาอาวุธปืนของนายมั่นที่อ้างว่าโยนทิ้งข้างทางหลังเกิดเหตุ และยังหาไม่พบ ซึ่งหากนายมั่นโยนทิ้งจริงคงไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ที่จะค้นหาจนพบ
ส่วนการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมนั้น ในวันอังคารที่ 4 ก.ย.นี้ทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จะเข้ามาตรวจแนวกระสุน วิถีกระสุนอีกครั้ง เพื่อนำมาใช้ในการประกอบสำนวนคดี เพราะการทำงานจะต้องทำอย่างรอบคอบ มีพยานหลักฐานที่แน่นหนาและยุติธรรมมายืนยัน ให้ความกระจ่างกับทุกฝ่าย หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะประสานไปทางฝ่ายของนายชาดา เพื่อเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง
“คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไร และเราเดินทางถูกทางแล้ว มั่นใจว่าไม่เกิน 30 วัน จะสามารถสรุปสำนวนคดีส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลได้แน่นอน” พ.ต.อ.บุญส่งกล่าว