ผู้ว่าฯ กรุงเก่ารุดดูเรือขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยา รับมือน้ำท่วม

พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา นั่งเรือลงพื้นที่ตรวจสอบการขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยา รับมือน้ำท่วม

วันนี้ (24 ส.ค.) ดร.วิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงเรือกรมเจ้าท่าเพื่อตรวจสอบการขุดลอกแม่น้ำเจ้พหระยา เพื่อรับมือน้ำท่วมอยุธยา โดยกล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา ปัญหาหลักที่ทำให้เกิดอุทกภัยมาจากการไม่สามารถบริหารจัดการน้ำ หรือระบายน้ำลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็ว จึงสร้างความเสียหายอย่างมาก ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แม่น้ำเจ้าพระยาถือเป็นแม่น้ำสายหลักที่จะระบายน้ำลงสู่ทะเล นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงคมนาคม บูรณาการในการขุดลอกพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่กลางน้ำถึงปลายน้ำ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 9 จังหวัดที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน เป็นเจ้าภาพดำเนินการ ตามที่กรมเจ้าท่ามอบอำนาจให้พิจารณาดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกัน และลดผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้

สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานเพื่อดำเนินการดังกล่าว โดยได้มีการสำรวจสภาพพื้นที่ตลอดลำน้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร จากการสำรวจพื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่จะดำเนินการขุดลอก โดยจะดำเนินการตั้งแต่บริเวณด้านทิศใต้ของวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา (กม.143 ) จนถึง ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิน (กม.123) ระยะทาง 19 กม. เนื่องจากบริเวณช่วงดังกล่าวเป็นจุดที่แม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ ป่าสัก และเจ้าพระยาไหลมารวมกันแล้วไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย ประกอบกับช่วงพื้นที่ดังกล่าวมีขนาดความกว้างของแม่น้ำเหมาะสมในการดำเนินการ (มีความกว้างตั้งแต่ 200-290 เมตร) ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และบ้านเรือนประชาชนตลอดลำน้ำ

สำหรับขั้นตอนการดำเนินการ จะขุดลอกเฉพาะช่วงกลางของลำน้ำ กว้างประมาณ 50 เมตร โดยวัดจากจุดกึ่งกลางของแม่น้ำออกไปข้างละ 25 เมตร โดยประมาณและจะขุดลึกที่ 0-6 เมตร ตามความตื้นลึกของพื้นที่ท้องแม่น้ำที่แตกต่างกัน ซึ่งจังหวัดได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำภูมิภาคที่ 2 เป็นผู้สำรวจออกแบบโดยแยกเป็น 80 cross section (พื้นที่ตัดขวาง) ทุก 250 เมตร และมีสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเป็นผู้คำนวณปริมาณงานขุด ในการดำเนินการหากเสร็จสิ้นจะสามารถเพิ่มปริมาตรการไหลของน้ำจากปัจจุบันระบายอยู่ที่ 500 ลบ.ม./วินาที คิดเป็นร้อยละ 20 และเพิ่มพื้นที่หน้าตัดที่รองรับปริมาตรน้ำได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,098,596.38 ลบ.ม. ซึ่งจะระดมเรือขุด 4 ลำ ในการดำเนินงาน คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน การดำเนินการมิได้ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด โดยใช้เอกชนเข้ามาดำเนินการแล้วนำวัสดุที่ได้ไปจำหน่าย หากมีส่วนที่เหลือให้ส่งคืนเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น