ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ยิ่งลักษณ์” เร่งรัดกรมเจ้าท่ารีบดำเนินโครงการเพิ่มเติม 6 โครงการ พื้นที่เชียงใหม่-ลำพูน หลังเสนอขุดลอกเพิ่มเติม ลั่นต้องเสร็จต้นเดือน ก.ค. เตรียมขอแรงทหารพัฒนาช่วย ส่วนโครงการ Flagship นายกฯ พอใจหลังจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการครบ 100% แล้ว ด้านแผนงานอื่นๆ เตรียมพิจารณาตามความเร่งด่วน ย้ำแผนบริหารจัดการช่วงต้นน้ำสำคัญ ต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว
วันนี้ (14 มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้ารับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรณีเร่งด่วน (Flagship Projects) ของจังหวัดเชียงใหม่ และติดตามความก้าวหน้าการเตรียมการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ของนายกรัฐมนตรี และคณะในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจการลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ปลายน้ำ กลางน้ำ และต้นน้ำ โดยในวันนี้ถือเป็นวันที่ 4 และเป็นวันสุดท้ายของภารกิจดังกล่าว
โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประชุมร่วมผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ต้นน้ำ โดยได้รับฟังการรายงานถึงปริมาณน้ำในเขื่อนสำคัญต่างๆ และรับฟังการบรรยายสรุปจากรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมรับฟังการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาลุ่มน้ำยม ผ่านการประชุมทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก
ส่วนในช่วงบ่าย ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายรัฐมนตรีได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินโครงการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรณีเร่งด่วน จากหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายชูชาติ กีฬาแปง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้นำเสนอความคืบหน้าของการดำเนินงานใน 4 โครงการ
ในส่วนที่ จ.เชียงใหม่ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ ประกอบด้วย โครงการขุดลอกแม่น้ำปิง ตั้งแต่ลำน้ำงาม อ.สันป่าตอง ถึง ลำน้ำแม่งัด อ.แม่แตง จำนวน 26 ตอน ระยะทาง 111 กม. งบประมาณ 408,307,500 บาท และโครงการขุดลอกลำน้ำกวง จาก อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ถึง อ.เมือง จ.ลำพูน จำนวน 10 ตอน ระยะทาง 61 กม. งบประมาณ 126,270,000 บาทนั้น ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่โครงการติดตั้งระบบเตือนภัยดินถล่ม ใน 22 อำเภอ 243 หมู่บ้าน งบประมาณ 12,150,000 บาท ในความรับผิดชอบของสำรักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และโครงการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำเพื่อรับมือน้ำท่วม จ.เชียงใหม่ ในความรับผิดชอบของศูนย์อุทกวิทยา และบริหารจัดการน้ำภาคเหนือตอนบน ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ได้ดำเนินการไปแล้วเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงโครงการขุดลอก ที่นำเสนอเพิ่มเติมโดยกรมเจ้าท่า นอกเหนือจากโครงการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรณีเร่งด่วนอีก 6 โครงการ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างเส้นทางน้ำต่างๆ ที่ได้มีการขุดลอกไปแล้ว
ประกอบด้วย โครงการที่ จ.เชียงใหม่ 5 โครงการ และโครงการที่ จ.ลำพูนอีก 1 โครงการ ใช้งบประมาณประมาณ 470,000,000 บาท รวมไปถึงแผนการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่กรมเจ้าท่า เทศบาลนครเชียงใหม่ กรมทางหลวง และกรมชลประทาน รวม 17 กิจกรรม งบประมาณ 4872,343,000 บาท
กิจกรรมที่นำเสนอในครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการดำเนินงานต่างๆ ทั้งการขุดขยายท่อลอดถนน การก่อสร้างท่อระบายน้ำ การปรับปรุงสะพาน รวมไปถึงการขุดขยายแม่น้ำปิง และการเวนคืน และรื้อถอนที่ดิน และสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นโครงการที่เคยมีแผนดำเนินการตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะบริเวณของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งมีบางส่วนรุกล้ำ และกีดขวางเส้นทางของแม่น้ำปิงอยู่
ภายหลังรับฟังการบรรยาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งรัดการดำเนินงานในส่วนของโครงการที่เสนอขุดลอกเพิ่มเติมอีก 6 จุด โดยจะให้กองบัญชาการทหารพัฒนา และกองทัพบกเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากต้องการให้โครงการดังกล่าวแล้วเสร็จภายในต้นเดือน ก.ค. จากเดิมที่กรมเจ้าท่าระบุว่า จะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. ขณะที่โครงการอื่นๆ ที่มีการนำเสนอเข้ามาในที่ประชุม จะได้นำไปพิจารณาความเร่งด่วนเพื่อดำเนินการต่อไป
ส่วนการดำเนินการของ จ.เชียงใหม่ ในส่วนของโครงการ Flagship นั้น นายกรัฐมนตรีได้แสดงความพอใจ พร้อมทั้งขอให้ทางจังหวัดเร่งนำส่งข้อมูลเข้าสู่ส่วนกลาง เพื่อให้ระบบข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังได้กำชับต่อที่ประชุมด้วยว่า โครงการต่างๆ ที่ดำเนินการในพื้นที่ต้นน้ำนั้น จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อย่างช้าที่สุดไม่ควรจะเกินกว่าช่วงต้นเดือน ก.ค. ดังนั้น หากโครงการใดที่ยังมีคามล่าช้าขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการโดยเร่งด่วน ส่วนโครงการที่จ้องดำเนินงานเพิ่มเติมให้เร่งนำเสนอข้อมูลเข้ามา เพื่อที่รัฐบาลจะได้ช่วยพิจารณาจัดหางบประมาณสำหรับดำเนินการ ขณะเดียวกัน แต่ละหน่วยงานต้องหารือ และบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้โครงการต่างๆ แล้วเสร็จตามกำหนด
ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจสะพานป่าแดด-ท่าวังตาล ต่อด้วยการเดินทางไปตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเย็นวันนี้