เชียงใหม่ - ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และอาสาสมัครกว่า 600 นาย บุกเข้าตรวจค้นเรือนจำกลางเชียงใหม่ช่วงเช้ามืด พบเพียงหนังสือลามก และไฟแช็กเป็นส่วนใหญ่ ไม่มียาเสพติด และโทรศัพท์มือถือ เผยตรวตค้นเข้มตั้งแต่ ต.ค.54-พ.ค.55 ยึดโทรศัพท์มือถือได้ 47 เครื่อง และยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันนี้(19 พ.ค.) หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร ประมาณ 500 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 150 นาย เข้าทำการตรวจค้นเรือนจำกลางเชียงใหม่ ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามภายในเรือนจำ มีนายพิรุณ หน่อแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานสรุปผลการปฏิบัติที่ผ่านมา ซึ่งทางเรือนจำกลางเชียงใหม่มีมาตรการตรวจค้น และจู่โจมตรวจค้นอย่างต่อเนื่อง
ผลการตรวจค้นเรือนนอน และห้องพักผู้ต้องขังในครั้งนี้ เบื้องต้น ไม่มีการตรวจพบอุปกรณ์เครื่องสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ และยาเสพติดแต่อย่างใด พบเพียงหนังสือลามก ไฟแช็ก ใบมีด เป็นต้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภารกิจในการตรวจค้นเรือนจำในครั้งนี้ เป็นนโยบายของรัฐที่ทางราชการต้องการให้ทุกเรือนจำทั่วประเทศเกิดความตื่นตัว และเคร่งครัดในแนวทางปฏิบัติต่อผู้ถูกคุมขัง และนักโทษ ดังนั้น การเข้าตรวจเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสรับรู้รับทราบร่วมกับทางผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ว่าการปฏิบัติภาระหน้าที่ราชการนั้นเป็นไปในรูปแบบใด และมีความเคร่งครัด ซึ่งผลที่ได้รับจากรายงานคือความมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานของความเป็นเรือนจำกลางที่ให้ความปลอดภัยต่อสังคมเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นอกมั่นใจต่อการทำงานของข้าราชการ
ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นไม่ประสงค์ที่จะให้มีข้อปัญหาอะไรต่างๆ เกิดขึ้นอย่างเช่นในบางพื้นที่ของประเทศไทย ดังนั้น หน่วยงานจะไม่ดำเนินการแบบวัวหายแล้วล้อมคอก แต่ทางเรือนจำได้มีมาตรการต่างๆ โดยรัดกุมอยู่แล้ว อีกทั้งทางจังหวัดโดยหน่วยงานทุกภาคส่วนก็พร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจการทำงานของทางเรือนจำกลางเชียงใหม่ให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ ซึ่งวันนี้ ทุกหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เดินทางเข้ามาตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน ก็ได้รับข้อรายงานจากทางท่านผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่อย่างชัดเจน และจะทำงานโดยมาตรฐานนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ในทุกๆ เรือนจำ รวมทั้งทัณฑสถานหญิงด้วย
ขณะที่มาตรการอื่นๆ ภายในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่นั้น เป็นเรื่องที่ทางจังหวัดอาจจะต้องช่วยสนับสนุนเรื่องของการปฐมพยาบาล เรื่องของนายแพทย์และพยาบาล ที่อาจจะยังไม่มีความเพียงพอสำหรับผู้ป่วย และนักโทษที่เจ็บป่วย
อีกเรื่องคือมาตรฐานที่ทางเรือนจำในขณะนี้งดการนำสิ่งของ และอาหารต่างๆ ในการเข้าเยี่ยมทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้แสดงว่า ทางเรือนจำต้องมีมาตรฐานในการดูแลนักโทษผู้ถูกคุมขังให้ดีในระดับหนึ่งด้วย เพราะบรรดาญาติพี่น้องของนักโทษไม่สามารถที่จะนำอาหารอะไรทั้งสิ้นเข้ามาเยี่ยมได้ จากนี้ไปเพื่อสนองมาตรการของทางส่วนกลาง และทางจังหวัดได้กำหนดไว้
ส่วนเรื่องปัญหายาเสพติดในปัจจุบันนั้น หม่อมหลวงปนัดดา กล่าวว่า ขณะนี้ถือเป็นปัญหาอันดับ 1 ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข โดยส่วนใหญ่จากการที่ได้พูดคุยกับนักโทษพบว่าส่วนใหญ่ที่ต้องโทษจะเป็นเรื่องของยาเสพติด และอยากได้ฝากไปยังสถาบันครอบครัว ให้ดูแลสถาบันหลักนี้ให้เข้มแข็ง เพื่อป้องกันการถูกคุมขัง ซึ่งทำให้หมดอิสรภาพ และเป็นที่อับอายในสังคม
สำหรับเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนนักโทษทั้งหมด 4,236 คน และจากข้อมูลพบว่าส่วนใหญ่ต้องโทษคดียาเสพติดกว่า 60% โดยที่ผ่านมา มีสถิติการจู่โจมตรวจค้นภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554-พฤษภาคม 2555 พบของกลางที่ถูกลักลอบนำเข้ามาภายในเรือนจำทั้งหมด เป็นโทรศัพท์มือถือจำนวน 47 เครื่อง ซิมการ์ด 7 อัน ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ 1 ชุด ยาเสพติดประเภทยาบ้าจำนวน 287.25 เม็ด ไดซีแพม 1 รายการ Alprazolam จำนวน 12 เม็ด กัญชาอัดแท่งขนาด 5 กรัม เงินสด 3,800 บาท แบตเตอรี่ 3 ก้อน อุปกรณ์การพนัน 1 ชุด วิทยุ 1 เครื่อง และมีผู้กระทำความผิดในช่วงระยะเวลาดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 91 คน