ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ภาค ปชช.เชียงใหม่หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังร้องเรียนเรื่องสนามบินเชียงใหม่ขึ้นค่าจอดรถ 100% ไม่ปลื้มหลังสนามบินแจงขึ้นราคาเพราะบริษัทผู้รับสัมปทานเสนอ-มีคณะอนุกรรมการพิจารณา ระบุใช้ราคาตลาดพิจารณา ตั้งเป้าลดความคับคั่งการจราจรยังไม่ชัดเจนพอ พร้อมแนะสนามบินได้รายได้จากสายการบินอยู่แล้วควรให้สายการบินรับผิดชอบแทน ปปช.
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้ใช้บริการลานจอดรถยนต์ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ นำโดย ดร.ชมชวน บุญระหงษ์ เดินทางเข้าร่วมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของจังหวัดเชียงใหม่ ในกรณีที่ทางกลุ่มได้ร้องเรียนเรื่องการจัดเก็บค่าจอดรถที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ที่ไม่เป็นธรรม โดยมีตัวแทนจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การหารือระหว่างกลุ่มผู้ร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ทางกลุ่มผู้ร้องเรียนได้ออกมาเคลื่อนไหวและเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ได้ปรับขึ้นราคาค่าจอดรถอย่างไม่เป็นธรรม โดยมีการปรับราคาค่าจอดรถ 1 วันจาก 100 บาทเป็น 200 บาท ซึ่งเป็นการขึ้นราคาถึง 100% รวมทั้งขอให้มีการจัดการประชุมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
โดยกลุ่มผู้ร้องเรียนได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงในประเด็นต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย 1. การตั้งราคาเก็บค่าเช่าที่จอดรถยนต์ของท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ใช้แนวคิด หลักการ เครื่องมือ และเกณฑ์อะไรในการกำหนดราคา 2. การเก็บเงินค่าที่จอดรถในปัจจุบันได้ทำตามกฎหมาย หรือระเบียบใดบ้าง 3. เงินที่ได้จากการจัดเก็บหรือการประมูลได้นำเข้าสู่ระบบการเงินการคลังของรัฐหรือไม่ และ 4. มีระบบการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ลานจอดรถอย่างไร และหากมีคณะกรรมการบริหารลานจอดรถ องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารนั้นมาจากไหน และมีสัดส่วนอย่างไร
ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่จากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ได้ชี้แจงว่า การปรับขึ้นราคาค่าจอดรถนั้นผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณารายได้ที่คณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้แต่งตั้งขึ้นเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวตามคำร้องที่บริษัท พลังร่วม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานในการบริหารจัดการลานจอดรถของท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่เสนอ โดยได้พิจารณาจากความจำเป็นในด้านการลดความคับคั่งภายในบริเวณลานจอดรถของท่าอากาศยาน ขณะที่ในเรื่องของการปรับขึ้นราคานั้นได้ใช้ราคาในท้องตลาดมาประกอบการพิจารณาแล้ว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ร้องเรียนยังคงมีท่าทีไม่พึงพอใจต่อการชี้แจงดังกล่าว โดยระบุว่ายังขาดข้อมูลอีกหลายประการทำให้การชี้แจงไม่ชัดเจน พร้อมทั้งยังได้นำเสนอความเห็นในหลายประเด็น ประกอบด้วยการแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการจัดเก็บค่าที่จอดรถของท่าอากาศยาน เนื่องจากเห็นว่าท่าอากาศยานได้รับผลประโยชน์จากการใช้สถานที่ของสายการบินต่างๆ อยู่แล้ว ดังนั้นจึงควรให้ภาระในการบริการที่จอดรถอยู่ในความรับผิดชอบของสายการบินแทน การแสดงความเห็นถึงระบบการจัดเก็บรายได้จากผู้บริหารจัดการลานจอดรถที่ควรมีการกำหนดวงเงินสิทธิประโยชน์ที่ท่าอากาศยานจะได้รับอย่างชัดเจนและไม่ควรปรับเปลี่ยน รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการ หรือเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการแทนการจัดหาบริษัทจากส่วนกลางเข้ามาดูแล
ขณะเดียวกันยังเสนอแนะว่าการกำหนดให้ผู้ใช้บริการลานจอดรถสามารถใช้บริการได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในช่วง 8 นาทีแรกนั้นไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงที่ผู้ใช้บริการต้องเสียเวลากับการเดินทาง การนำรถเข้าสู่ที่จอดรถและการทำธุระภายในท่าอากาศยาน หากจะให้บริการในลักษณะดังกล่าวควรจะขยายเวลาเป็น 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงมากกว่า รวมทั้งยังตั้งคำถามถึงกระบวนการทำงานของบริษัทที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการ ซึ่งปรากฏว่ามีการออกใบเสร็จที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีตราของบริษัทอีกด้วย
