วิเคราะห์สัญญา : การท่าฯเชียงใหม่ขึ้นราคาค่าจอดรถเอื้อเอกชน?

เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.ชมชวน บุญระหงษ์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในนามของผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบและคณะได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคกรณีจู่ๆ การท่าอากาศยานเชียงใหม่ขึ้นราคาค่าจอดรถ ณ ลานจอดรถกลุ่มที่จอดนานเกินกว่า3 ชั่วโมงรวดเดียว 100% กล่าวคือแต่เดิมก่อนเดือนกรกฎาคม 2555 การท่าฯ เก็บค่าจอดรถเกิน 3 ชั่วโมงหรือประเภทค้างคืนที่วันละ 100 บาท และได้เพิ่มมาเป็น 200 บาทในปัจจุบัน

ต่อจากนั้นเมื่อ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาทางการท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีเอกสารเผยแพร่ยังสื่อมวลชน อ้างคำแถลงของนาง ระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ระบุว่าการขึ้นราคาดังกล่าวเป็นเฉพาะกลุ่มที่จอดนาน

ส่วนที่จอดรับส่งชั่วคราวนั้นไม่มีการปรับเพิ่มแต่อย่างใด โดยการขึ้นราคาครั้งนี้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการอย่างรอบคอบ เปรียบเทียบต้นทุน เปรียบเทียบกับท่าอากาศยานแห่งอื่นๆ และเปรียบกับรถสาธารณะอื่นๆ และด้วยเหตุผลที่ว่า ปัจจุบันลานจอรถของท่าอากาศยานเชียงใหม่แน่นมาก จึงอยากจะลดสัดส่วนผู้มาใช้บริการระยะยาวลงมาให้เหลือพื้นที่บริการสำหรับผู้ใช้บริการระยะสั้นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงดังกล่าวไม่ทำให้สังคมเชียงใหม่เชื่อถือได้เพราะปัจจุบันแม้ลานจอดรถบริเวณด้านหน้าอาคารในประเทศจะแน่นตลอดเวลาแต่ทว่าลานจอรถทางด้านอาคารระหว่างประเทศที่อยู่ติดกันกลับมีพื้นที่ว่างจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับความนิยมเพราะต้องเดินไกล ดังนั้นข้ออ้างที่ว่าให้ขึ้นราคาค่าจอดเพื่อแก้ปัญหาความแออัดไม่น่าจะเป็นข้อเท็จจริงตามอ้าง

ล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นัดหมายประชุมหารือร่วมกันระหว่างจังหวัด ท่าอากาศยานเชียงใหม่และผู้ร้องเรียนในวันศุกร์ที่ 10 ส.ค.นี้ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้สองฝ่ายได้คุยกันในรายละเอียด เพื่อให้เรื่องนี้เกิดความกระจ่างในความเป็นมา เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ได้ขอข้อมูลสถิติและรายละเอียดของการขึ้นค่าค่าจอดรถเป็นเท่าตัวจากการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ข้อมูลมาดังนี้

ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีที่จอดรถด้านหน้า (รวมสองอาคาร) 580 คัน และลานจอดรถด้านเหรือติดกับกองบิน 41 พื้นที่ดังกล่าวจัดสรรให้รถแท็กซี่รถโรงแรมรถเช่า มีพื้นที่จอดให้กับบุคคลทั่วไปอีกประมาณ 100 คัน

การบริหารการจัดเก็บ การท่าอากาศยานได้ทำสัญญากับบริษัท พลังร่วม จำกัด ระยะเวลา 3 ปี นับจาก พ.ค.2554 เป็นต้นมา บริษัทตกลงชำระให้ทอท.รายเดือน ในอัตราร้อยละ 15 ของรายได้จัดเก็บ หรือตามเงื่อนไขค่าตอบแทนขั้นต่ำกรณีที่ค่าจัดเก็บไม่สูงพอ โดยกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำดังนี้

-ช่วงระยะเวลาปีที่ 1 (1พ.ค.2554-30เม.ย.2555) เดือนละ 797,000 บาท

-ช่วงระยะเวลาปีที่ 2 (1พ.ค.2555-30 เม.ย.2556) เดือนละ 876,7000 บาท

-ช่วงระยะเวลาปีที่ 3 (1พ.ค.2556-30เม.ย.2557) เดือนละ 964,370 บาท

ทั้งนี้ ได้กำหนดอัตราจัดเก็บยนต์ 4 ล้อ (เดิม) ได้ดังนี้ คือ 8 นาทีแรกไม่คิดค่าบริการ, 9-30 นาที 10 บาท, 31นาที-1 ชม. 20 บาท, 1-2 ชม. 30 บาท, 2-3 ชม. 40 บาท และ เกิน 3 ชั่วโมงวันละ 100 บาท โดยล่าสุดได้ปรับอัตราค่าบริการกลุ่มสุดท้ายคือ เกิน 3 ชั่วโมงถึง 1 วันมาเป็นวันละ 200 บาทถ้วน

เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ภาคเหนือ ได้นำสถิติการจอดรถของเดือนมิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา(ซึ่งเป็นเดือนที่จัดเก็บได้ต่ำที่สุดในรอบปี) มาเป็นต้นแบบคำนวณแบบคร่าวๆ เพื่อดูแนวโน้มและพฤติกรรมทั่วไปของการจอดรถพบว่า ในเดือนดังกล่าวมีการใช้บัตรจอดรถ 50,191 คัน เป็นบัตรได้เงิน (ไม่ใช่บัตรฟรีบัตรเจ้าหน้าที่หรือบัตรVIP) 40,597 คัน และเป็นรถค้างคืน ที่เป็นบัตรลานจอดรถจำนวน 4,455 คัน (ไม่นับบัตรสมาชิกและจอดฟรี)

ทั้งนี้ หากคำนวณโดยคิดค่าเฉลี่ยจอดชั่วคราวที่คันละ 20 บาท บริษัทจะได้เงินก่อนหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้ 40,597 คูณ 20 เท่ากับ 811,940 บาท และได้รับจากรถจอดค้างคืนจำนวน 4,455 คูณ 100 บาท เท่ากับ 445,500 บาท รวมแล้วบริษัทได้เงินจากเดือนมิถุนายน 856,440 บาท

จากยอดรายได้ดังกล่าวหมิ่นเหม่กับการขาดทุนเพราะในสัญญาระบุว่า พอขึ้นปีที่สองให้เพิ่มค่าตอบแทนขั้นต่ำให้ทอท. เป็นเดือนละ 876,7000 บาท

นี่จึงเป็นเหตุให้มีการอนุมัติให้ปรับค่าจอดรถประเภทค้างคืน ซึ่งเป็นยอดที่มีค่าเฉลี่ยคงที่เดือนละ 1,500-1,700 คันหรือไม่ ? เพราะหากขึ้นค่าจอดรถเป็น 200 บาทบริษัทจะได้เงินเพิ่มขึ้นทันทีเดือนละ 150,000-170,000 บาท ทำให้สามารถมีกำไรต่อและจ่ายรายได้ให้กับการท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ตามสัญญา

ส่วนสาเหตุที่ทอท.เชียงใหม่อ้างว่าต้องปรับราคา เนื่องจากปัญหาความแออัดคงไม่ใช่เหตุผลหลัก เพราะข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดอยู่ว่าพื้นที่ลานจอดรถด้านอาคารต่างประเทศยังว่างอยู่ ซ้ำยังกันพื้นที่สำหรับรถวีไอพี รถราชการด้านหน้าซึ่งว่างตลอดเวลา ทั้งนี้สถิติยังระบุด้วยว่ามียอดการใช้บัตรฟรีมาจอดเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 ครั้งอีกด้วย